2020 Formula One World Championship สนามแข่งขันรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก กำลังหาทางกลับมาเปิดสนามแข่งอีกครั้งในวันที่ 5 กรกฎาคมนี้โดยไม่มีผู้ชม หลังจากรอบแข่งกรังด์ปรีซ์ถูกยกเลิกหรือเลื่อนแข่งไปแล้ว 9 นัดจากการระบาดของไวรัส COVID-19 มีลุ้นรอบแรกที่ออสเตรีย
การแข่งขันรถ ฟอร์มูลา วัน ที่จะต้องเริ่มกรังด์ปรีซ์เก็บแต้มนัดแรกที่ออสเตรเลียเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2020 ถูกเลื่อนออกไปเนื่องจากการระบาดของไวรัส COVID-19 และตารางแข่งขันนัดต่อๆ มาจนถึงวันที่ 14 มิถุนายนนี้รวม 9 สนามก็ถูกเลื่อนออกไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด
อย่างไรก็ตาม ฟอร์มูลา วันยังหวังว่าจะสามารถเริ่มฤดูกาล 2020 ได้ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ แม้ว่าขณะนี้หลายประเทศในทวีปยุโรปยังคงสั่งห้ามการชุมนุมและจัดอีเวนต์สาธารณะไปจนถึงเดือนกรกฎาคมหรือสิงหาคม ทำให้กิจกรรมกีฬาเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่จัดไม่ได้อย่างแน่นอน
โดยทีมแข่งทั้งหมด 10 ทีมได้ปรึกษากันเพื่อหาทางออกเรื่องนี้ สำนักข่าว BBC รายงานเมื่อวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมาว่า พวกเขาหวังว่าจะได้รับอนุญาตให้จัดแข่งกรังด์ปรีซ์แรกในสนาม Red Bull Ring ประเทศออสเตรีย ตามตารางแข่งเดิมในวันที่ 5 กรกฎาคม 2020 แต่จะไม่เปิดให้มีผู้ชมในสนาม หลังจากนั้น หวังว่าจะจัดแข่งอีก 2 รอบที่สนาม Silverstone ประเทศอังกฤษ
อย่างน้อยขอจัดแข่งเพื่อถ่ายทอดสด
รอสส์ บรอว์น กรรมการผู้จัดการของฟอร์มูลา วัน กล่าวว่าพวกเขาหารือกันมาตั้งแต่ต้นเดือนแล้วว่า จะสามารถจัดแข่งแบบปิดได้อย่างไรบ้าง
“เรากำลังหาวิธีว่าจะขนส่งคนไปที่สนามอย่างไร จะป้องกันความปลอดภัยอย่างไร ใครบ้างที่เราจะอนุญาตให้อยู่ในแพดดอค” บรอว์นกล่าว
ฟากประเทศออสเตรียกล่าวว่า ไม่ติดขัดอย่างใดหากจัดแข่งขันโดยไม่มีผู้ชม และถ้าขณะนั้นการจำกัดการเดินทางถูกผ่อนคลายลงแล้ว รวมถึงมีมาตรการป้องกันความปลอดภัยในสนาม ขณะที่ คริสเตียน ฮอร์เนอร์ ทีมบอสของ Red Bull กล่าวว่าสนาม Red Bull Ring สามารถเตรียมความพร้อมได้ในระยะเวลาอันสั้นหากจะมีการจัดแข่งขึ้นจริง
“แนวคิดการจัดแข่งในสนามแบบปิดนั้นเป็นไปได้อย่างแน่นอน” ฮอร์เนอร์กล่าวกับช่อง Sky Sports “เราคิดว่าจะมีสนามที่กลับมาจัดกรังด์ปรีซ์ได้เต็มที่โดยไม่มีผู้ชม เป็นไปได้ว่จะจัดเพื่อฉายการแข่งขันทางโทรทัศน์เท่านั้น โดยมีคนเข้าร่วมในสนามอย่างจำกัด”
โจทย์หลัก: ลดจำนวนทีมงานร่วมร้อยชีวิตให้น้อยลง
ตามกติกาปกติของฟอร์มูลา วัน แต่ละทีมจะมีทีมงานที่เกี่ยวข้องกับตัวรถในทางใดๆ ก็ตาม อยู่ในแพดดอคได้ไม่เกิน 60 คน นอกจากนี้จะมีทีมงานในด้านอื่นๆ เช่น ช่างเทคนิคของ FIA, เจ้าหน้าที่เปลี่ยนยางของ Pirelli, พนักงานของฟอร์มูลา วัน, ซัพพลายเออร์ต่างๆ, สตาฟพยาบาล, สตาฟเส้นทางแข่ง รวมไปถึงสื่อและเจ้าหน้าที่ถ่ายทอดสดซึ่งอาจจะมีได้ถึงหลักร้อยคน (เฉพาะเจ้าหน้าที่ถ่ายทอดสดก็อาจจะมีถึง 40-50 คน ขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศที่จัดแข่ง)
แอนเดรียส ไซเดิล ทีมบอสของ McLaren ให้ความเห็นว่า แม้ว่าจะจัดแข่งในสนามแบบปิด แต่จำนวนคนที่อยู่ในแพดดอคคงจะไม่ลดลงไปกว่านี้มาก “เพราะอย่างไรเราก็ต้องการคนทั้งหมดเพื่อจัดการกับรถ เพื่อดูแลรถในช่วงวันหยุด และต้องมีคนทำงานในพิทสต็อป”
แหล่งข่าวในฟอร์มูลา วันกล่าวว่า ขณะนี้การปรึกษากันของแต่ละทีม หลักๆ ยังอยู่ที่การดึงจำนวนคนในแพดดอคให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ และจะจำกัดสื่อที่เข้ามาทำข่าวเพื่อให้ทุกคนเว้นระยะห่างจากกันให้ได้มากที่สุด ส่วนกลุ่มสปอนเซอร์และการตลาดของทีมอาจจะไม่ให้เข้ามาด้านใน
ด้วยจำนวนคนที่ใช้ในการแข่งที่มากขนาดนี้ ทำให้การจำกัดจำนวนทีมงานเป็นประเด็นสำคัญมากว่า F1 จะได้แข่งหรือไม่ เพราะคำว่า “อีเวนต์รวมคนจำนวนมาก” ที่แต่ละประเทศใช้ในการสั่งแบนนั้นอาจไม่มีการกำหนดชัดเจนว่ารวมคนจำนวนเท่าไหร่จึงจะเรียกว่ามาก ซึ่งถ้าหากมีทีมงานร่วมร้อยคนสำหรับแต่ละทีมที่เข้าแข่ง เมื่อรวมกันทั้งหมด 10 ทีมก็จะมีคนในสนามร่วมพันคนเข้าไปแล้ว
ฟอร์มูลา วันหวังว่าจะได้เริ่มการแข่งขัน 2020 Formula One World Championship ให้เร็วที่สุด แม้ว่าจะไม่มีผู้ชมในสนาม โดยหวังอย่างยิ่งว่าสนามในทวีปเอเชียและตะวันออกกลาง ซึ่งมีตารางแข่งในช่วงครึ่งปีหลังจะได้จัดแข่งตามปกติ เพราะอาจจะควบคุมการระบาดของไวรัส COVID-19 ได้ก่อนฝั่งทวีปยุโรปและอเมริกา
ตารางแข่งขันในเอเชียและตะวันออกกลางที่ยังไม่ถูกเลื่อนออกไปได้แก่ สนาม Marina Bay Street สิงคโปร์ เดือนกันยายนนี้, สนาม Suzuka International Racing ประเทศญี่ปุ่น เดือนตุลาคม และสนาม Yas Marina ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในเดือนพฤศจิกายน ส่วนสนามที่ถูกเลื่อนการแข่งไปแล้วและอาจจะกลับมาจัดแข่งได้อยู่ในบาห์เรน เวียดนาม จีน และอาเซอร์ไบจาน
สำหรับแฟนๆ ที่เซ็งจากการระงับแข่งแบบนี้ เมื่อวานนี้ฟอร์มูลา วันจึงจัดแข่ง e-Sports Virtual Grand Prix กันไปก่อน ผลการแข่งขันของ 10 นักแข่งจากการหมุนพวงมาลัยอยู่ที่บ้าน ชัยชนะตกเป็นของ ชาร์ล เลอแคลร์ จากทีม Ferrari