การเป็นผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ตั้งแต่โน้ตบุ๊ก ทีวี ไปจนถึงค่ายเพลง และค่ายหนัง รวมถึงตลาดเกม แถมยังได้ถ่ายทอดบอลโลก 2010 ในรูปแบบ 3 มิติ ดูจะเป็นแต้มต่อให้ “โซนี่” นำหน้าเหนือคู่แข่งในตลาดทีวี 3 มิติ ที่ต้องอาศัยการขายโซลูชั่น ทำให้โซนี่ถูกจับตามองว่า ครั้งนี้นี่คือก้าวสำคัญที่ทำให้ โซนี่กลับมาทวงแชมป์ได้อีกครั้งหรือไม่
ผู้บริหารโซนี่มองว่า กระแสความนิยมของคนไทยที่ชื่นชอบการดูหนัง 3 มิติในโรงภาพยนตร์ของคนไทยที่เพิ่มมากขึ้น เป็นแนวทางเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในตลาดในเมืองใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกามาแล้ว เมื่อความบันเทิงทะลุจอได้ขยายจากโรงหนังมาสู่ความบันเทิงในบ้าน เขาก็เชื่อว่าผู้บริโภคคนไทยก็จะอ้าแขนรับได้ไม่ยาก
นอกจากผลิตภัณฑ์ต่างๆ ทีวี เครื่องเล่นบลูเรย์ กล้องดิจิตอล ตลอดจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กไว้โอ เกม ในรูปแบบของ 3 มิติ โซนี่พิคเจอร์ยังได้ผลิตภาพยนตร์ 3 มิติ ส่วนที่โซนี่มิวสิคได้ยังเตรียมบันทึกคอนเสิร์ตของศิลปินระดับโลกในรูปแบบ 3 มิติด้วยเช่นกัน รวมถึงการเป็นผู้บันทึกการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 ในระบบ 3 มิติ
ทั้งหมดนี้ คือ การสร้างประสบการณ์ในการรับชมเนื้อหาในระบบ 3 มิติ มร.โยจิ ฮิกาชิดะ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์ และ มร.ฮิเดกิ คอนโดะ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ภาพ บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด มองว่า มีความสำคัญอย่างมากในการทำตลาดทีวี 3 มิติ ที่ต้องให้ผู้บริโภคสัมผัสถึงประสบการณ์เหล่านี้
การเป็นผู้ผลิตทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ตั้งแต่ทีวี โน้ตบุ๊กไปจนถึงค่ายเพลง ค่ายหนัง และตลาดเกม ทำให้โซนี่ดูมีแต้มต่อกว่าใครในการก้าวเข้าสู่ตลาดทีวี 3 มิติ ที่ต้องอาศัยความพร้อมทั้งในเรื่องของอุปกรณ์ เช่น เครื่องเล่นบลูเรย์ ไปจนถึงตัว Content หรือเนื้อหา ที่ต้องมีความหลากหลาย
“Positioning ของทีวี 3 มิติ ที่โซนี่วางอยู่ในระดับ Top End เนื่องจากรายการทีวีในไทยยังไม่ได้ถ่ายทอดในระบบ 3 มิติ การรับชมระบบ 3 มิติ ซึ่งจึงต้องพึ่งพาโซลูชั่นอื่นด้วย เช่น เนื้อหาต่างๆ ที่ทางโซนี่ พิคเจอร์ และ โซนี่ มิวสิคผลิตขึ้น” แต่โซนี่มองว่า ความท้าทาย ในการอยู่ที่การนำเสนอผลิตภัณฑ์ และเนื้อหาได้อย่างตรงใจผู้บริโภคที่สุด เพราะถึงเป็นระบบ 3 มิติเหมือนกัน แต่ละค่ายต่างก็มีเทคโนโลยีที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งผู้บริโภคก็จะสามารถรับรู้ถึงความแตกต่างได้เช่นกันไม่ว่าจะเป็นคุณภาพของภาพที่สมจริง ความสบายตาเมื่อใส่แว่น เป็นต้น
โซนี่ ไม่ได้มองเทคโนโลยี 3 D เป็นแค่ฟีเจอร์หนึ่งของทีวี แต่เชื่อว่าการมาของทีวี 3 มิติในตลาดคือจุดเปลี่ยนของวิวัฒนาการของทีวี เหมือนเมื่อครั้งที่ทีวีจอโค้ง เปลี่ยนเป็นทีวีจอแบน แอลซีดีทีวี แอลอีดี จนถึงทีวี 3 มิติ ซึ่งคาดว่าจะกลายเป็นกระแสนิยมอีกครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของตลาด ซึ่งโซนีเชื่อว่าตลาดในช่วงปีนี้ไปจนถึงปีหน้า จะเป็นช่วงที่ตลาดทีวี 3 มิติเติบโตเป็น 100% จากการที่มีผลิตภัณฑ์จากค่ายต่างๆ ตามออกมาอีกมาก
โดยมูลค่าตลาดของทีวี 3 มิติ ที่โซนีประเมินไว้ คือ มีประมาณ 5-10 เปอร์เซ็นต์ของตลาดแอลซีดีทีวีจอใหญ่ขนาด 40 นิ้วขึ้นไป อย่างไรก็ตาม กำหนดการการวางตลาดของทีวี 3 มิติ อาจจะเป็นตุลาคม หรือปลายปี