ควอทริคซ์ (Qualtrics) เผยผลการศึกษาเรื่อง “การกลับไปทำงานในที่ทำงาน (Return to Work & Back to Business Study)” ซึ่งเป็นผลการศึกษากับกลุ่มคนทำงานในอายุต่างๆ กัน นับตั้งแต่คนรุ่นเบบี้บูมเมอร์ ถึงยุค Gen Z ในประเทศไทย และมาเลเซีย รู้สึกไม่สะดวกใจที่จะกลับไปทำงานในที่ทำงาน
มีผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 509 คน จาก 2 ประเทศ โดยเป็นคนไทย 150 คน ในหัวข้อเกี่ยวกับความมั่นใจในการกลับไปทำงานในที่ทำงาน หรือออกไปใช้ชีวิตในสังคมเหมือนเดิม และปัจจัยอะไรบ้างที่จะทำให้เขารู้สึกสบายใจที่จะทำ
คนทำงานจำนวน 62% คาดหวังว่าจะกลับไปที่ทำงานในเดือนกรกฎาคม และ 58% กล่าวว่า ต้องมีการรักษาโรคให้หาย หรือวัคซีน ออกมาก่อน พวกเขาจึงรู้สึกสบายใจที่จะกลับไปที่ทำงาน
เหมา เจน ฟู ประธานเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Qualtrics กล่าวว่า “สืบเนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์เริ่มผ่อนคลาย เราจึงเห็นธุรกิจและสถานที่ทำงานต่างๆ เริ่มกลับมาเปิดเป็นปกติ แต่ทว่านายจ้างและองค์กรธุรกิจต่างๆ ควรตระหนักว่า พนักงาน หรือลูกค้า อาจจะยังไม่พร้อมที่จะกลับมาใช้ชีวิตในรูปแบบเหมือนเดิม”
เหมา กล่าวเสริมว่า “มากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งในประเทศไทยและมาเลเซียรู้สึกยังไม่สะดวกที่จะกลับไปที่ทำงาน องค์กรและรัฐบาลจำเป็นต้องเข้าใจว่าพฤติกรรมและทัศนคติของพนักงานและลูกค้าได้เปลี่ยนไปแล้ว ดังนั้น องค์กรต้องช่วยให้พนักงานรู้สึกมั่นใจในช่วงการเปลี่ยนผ่านไปยังเฟสต่อไปของ “ภาวะปกติแบบใหม่” ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากที่องค์กรธุรกิจต้องรู้ข้อมูลเชิงลึกว่าพนักงาน และลูกค้ามีความมั่นใจมากน้อยเพียงใด
ผลการสำรวจ การกลับไปทำงานในที่ทำงาน
ผลการศึกษาพบว่า พนักงานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องการให้องค์กรมีแนวทางปฏิบัติด้านการรักษาความปลอดภัย ดังต่อไปนี้
- 83% ของคนทำงานต้องการให้เพื่อนร่วมงานทุกคนใส่หน้ากากอนามัย
- 82% ต้องการเจลล้างมืออนามัยและสิ่งทำความสะอาดวางกระจายอยู่ทั่วออฟฟิศ
- 67% ยังคงต้องการให้มีการรักษาระยะห่างทางสังคม (social distancing)
- 63% ต้องการให้มีการตรวจวัดอุณหภูมิ
- 62% ต้องการให้ออกนโยบายไม่สนับสนุนให้มีการจับมือหรือกอดทักทายในที่ทำงาน
ทันทีที่กลับไปที่ทำงาน พนักงานกล่าวว่า พวกเขาจะรู้สึกสบายใจหากว่าบริษัทออกมาตรการต่างๆ เหล่านี้ เพื่อปกป้องพวกเขา และเพื่อนร่วมงานทุกคน
- 96% กล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญมากที่จะจำกัดจำนวนคนในการเข้าประชุม
- 98% กล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญมากที่พนักงานทุกคนจำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัย
- 96% กล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญที่องค์กรควรอนุญาตให้พนักงานสามารถทำงานจากที่บ้านได้ หากพวกเขารู้สึกว่าไม่ปลอดภัย
- 97% กล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนต้องตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้ามายังอาคาร
- 97% กล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องมีนโยบายรักษาระยะห่างทางสังคมในที่ทำงาน
การกลับสู่ธุรกิจ
แม้ว่ากฎเกณฑ์เริ่มผ่อนคลายลง แต่ทว่าคนยังรู้สึกไม่มั่นใจที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ และ 32% คิดว่า “จะไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิม”
การแสดงคอนเสิร์ตและกีฬา: ปัจจุบัน คนส่วนใหญ่รู้สึกไม่สบายใจที่จะดูกีฬาสดที่สนาม (73%) และการแสดงคอนเสิร์ต (71%) คนจำนวน 1 ใน 4 (25%) ที่ดูกีฬาเป็นประจำ กล่าวว่า พวกเขาไม่น่าจะดูกีฬาที่สนามในช่วงระยะเวลาอันใกล้นี้ แม้ว่าจะมีการผ่อนผันก็ตาม นอกจากนี้ คนเกือบครึ่ง (48%) กล่าวว่า พวกเขาไม่น่าจะเข้าดูการแข่งขันกีฬาที่สนามจนกว่าจะถึงมกราคมปีหน้า ในขณะที่คน 59% กล่าวว่า พวกเขาจะไม่ไปดูการแสดงคอนเสิร์ตจนกว่าจะมกราคมปีหน้าเช่นกัน
ร้านอาหารและช้อปปิ้ง: คน 60% กล่าวว่า ยังรู้สึกไม่สบายใจที่จะไปร้านอาหาร ในขณะที่อีก 36% รู้สึกแบบเดียวกัน คือ ไม่อยากไปช้อปปิ้ง เมื่อห้างร้านเปิดกิจการแล้ว ไม่มีการรับประกันว่าคนจะกลับมาเดินเที่ยวเหมือนเดิม
แม้ว่าสาธารณสุขจะประกาศว่าปลอดภัย และการรักษาหรือวัคซีนป้องกันไวรัสพร้อมแล้ว ผู้คนยังคงต้องการที่จะเห็นมาตรการต่างๆ ก่อนที่จะออกไปทานอาหารนอกบ้าน
- 12% ต้องการให้โต๊ะแยกห่างกันเพื่อความปลอดภัย
- 12% ต้องการให้มีการเว้นระยะห่างทางสังคม
- 12% ต้องการให้บริกรและพนักงานในร้านอาหารใส่ถุงมือและหน้ากาก
- 11% ต้องการให้มีการตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้าร้านอาหาร
สายการบิน และการเดินทางโดยรถสาธารณะ: ผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 67% รู้สึกไม่สบายใจที่จะใช้บริการรถสาธารณะ และ 73% รู้สึกไม่สบายใจที่จะใช้บริการสายการบิน