ถุงยาง Durex พบว่า “ยอดขายตก” ในบางประเทศเช่น อิตาลี อังกฤษ ช่วงล็อกดาวน์ป้องกันโรค COVID-19 เพราะผู้บริโภคไม่มีโอกาสสานสัมพันธ์กัน และแม้แต่คู่รักที่อยู่บ้านเดียวกันก็มีกิจกรรมทางเพศน้อยลง
ลักซ์มาน นาราซิมฮาน ซีอีโอบริษัท Reckitt Benckiser บริษัทแม่ของถุงยางอนามัยยี่ห้อ Durex เปิดเผยว่า ยอดขายถุงยางของบริษัทตกลงในช่วงไวรัสโคโรนาระบาด เพราะโรคระบาดทำให้ผู้บริโภคมีโอกาส ‘เจอกัน’ น้อยลง จากการล็อกดาวน์อยู่กับบ้าน ลดการปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ผู้อื่น ซึ่งเป็นกำแพงกั้นการสร้างความสัมพันธ์ทางเพศ
“กิจกรรมใกล้ชิดในบางประเทศลดลง เพราะถ้าคุณลองคิดดูก็จะเห็นว่าการพบปะเข้าสังคมเกิดขึ้นน้อย และทำให้มีผลกระทบกับ Durex ด้วย” นาราซิมฮานกล่าว
เขากล่าวว่า ผู้บริโภคในอิตาลีมีเพศสัมพันธ์กันน้อยลงมาก รวมถึงในสหราชอาณาจักร และอีกหลายประเทศที่การล็อกดาวน์เกิดขึ้นทำให้คนมีเพศสัมพันธ์แบบชั่วข้ามคืนไม่ได้ เพราะการเดินทางไปบ้านของคนที่ไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันจะขัดต่อกฎระเบียบ สำหรับในสหราชอาณาจักรนั้น แม้แต่ผู้บริโภคที่มีคู่รักอยู่แล้ว โรคระบาดก็ทำให้คนมีคู่มีเพศสัมพันธ์กันน้อยลง เนื่องจากภาวะเครียดกังวลเรื่องไวรัสโคโรนา
โชคดีที่บริษัทแม่คือ Reckitt Benckiser มีผลิตภัณฑ์อื่นในพอร์ตที่ไม่เกี่ยวกับสุขภาพทางเพศด้วย เช่น ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดแบรนด์ Dettol และ Lysol ซึ่งทำยอดขายพุ่งสูงขึ้น 50% ช่วงไตรมาสแรก 2020 และยังคงขายดีไม่หยุดจนบริษัทต้องเพิ่มกำลังผลิตน้ำยาทำความสะอาดถึง 20 เท่าในเดือนกรกฎาคมปีนี้เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน สะท้อนให้เห็นดีมานด์สินค้าที่ช่วยชดเชยยอดขายถุงยางได้
อย่างไรก็ตาม นาราซิมฮานหวังว่าช่วงที่คลายล็อกดาวน์แล้ว ยอดขายถุงยางจะกลับมาดีขึ้นตามลำดับ เหมือนกับตลาดจีนซึ่งผ่อนคลายล็อกดาวน์ก่อนประเทศอื่น และบริษัทพบว่ายอดขายกลับมาเป็นปกติแล้วตั้งแต่เดือนเมษายน
Source: Business Insider, The Guardian