“กัลฟ์” เปิดโครงการ “หนึ่งทุน หนึ่งฝัน ปั้นอนาคต” สานฝันด้านการศึกษาแก่ผู้ป่วยพิการบนใบหน้า


มีคำกล่าวตั้งแต่สมัยโบราณว่า “เด็กคืออนาคตของชาติ” เพราะฉะนั้น… สิ่งที่สำคัญที่สุดของวัยเด็กก็คือเรื่อง “การศึกษา” ที่จะช่วยส่งเสริมทั้งด้านความรู้ ความสามารถ สติปัญญา และสังคม เพื่อให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ เป็นบุคลากรที่ดีของชาติได้อย่างสมบูรณ์

ต่อยอดจากการดูแลสาธารณสุข

การสนับสนุนด้านการศึกษาให้แก่เด็กจึงเป็นเรื่องที่หลายภาคส่วนให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อเป็นการให้เด็กทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันในการเข้าถึงด้านการศึกษา โดยเฉพาะเด็กพิการ หรือเด็กด้อยโอกาส ให้มีสิทธิ์ในการเข้าถึงด้านการศึกษาเหมือนกับเด็กทั่วไป

ด้วยเหตุนี้เอง “กัลฟ์” หรือ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) จึงได้เปิดโครงการ “หนึ่งทุน หนึ่งฝัน ปั้นอนาคต” เพื่อมอบทุนการศึกษาให้กลุ่มผู้ป่วยของศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ แก้ไขความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ ร.พ.จุฬาฯ สภากาชาดไทย

โครงการ “หนึ่งทุน หนึ่งฝัน ปั้นอนาคต” นี้ นับเป็นความช่วยเหลือด้านการศึกษาที่ต่อยอดมาจากความช่วยเหลือทางด้านสาธารณสุข โดยที่ผ่านมาทางกลุ่มบริษัทกัลฟ์ได้สนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 ไม่ว่าจะเป็นเงินสนับสนุน มอบสิ่งของแก่ผู้ป่วย หรือการร่วมเป็นอาสาสมัครในโครงการคลินิกเคลื่อนที่แบบสหสาขาวิชาชีพของศูนย์ฯ ที่ทีมแพทย์ลงพื้นที่ไปตรวจรักษาผู้ป่วยที่มีความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะทั่วประเทศ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ให้ทุนการศึกษา ยกระดับคุณภาพชีวิต

เบื้องต้นทางกลุ่มกัลฟ์ได้วางแผนให้ทุนการศึกษาต่อเนื่อง 4 ปี (พ.ศ. 2563-2566) รวมเป็นเงินกว่า 5 ล้านบาท ก่อนหน้านี้ได้นำร่องช่วยเหลือให้ทุนการศึกษาไปแล้วจำนวน 30 ทุน ในปี พ.ศ. 2562 เป็นการตอกย้ำเจตนารมณ์ของกลุ่มบริษัทฯ ที่มุ่งพัฒนาเยาวชนไทยและสนับสนุนด้านการศึกษาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสะท้อนพันธกิจเพื่อสังคมภายใต้แนวคิด “Powering the Future, Empowering the People” ที่มุ่งทำดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคมอย่างยั่งยืน

บุญชัย ถิราติ กรรมการบริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า

“ในโอกาสนี้กัลฟ์ได้ขยายความช่วยเหลือมาที่กลุ่มผู้ป่วยที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ และมีความประพฤติดี ด้วยการมอบทุนการศึกษา ในปีนี้มอบให้เป็นจำนวน 51 ทุน มูลค่ารวมกว่า 600,000 บาท โดยคาดหวังว่าเงินสนับสนุนนี้จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อน เพิ่มโอกาสในการพัฒนาศักยภาพและเข้าถึงการศึกษา เพราะทางกลุ่มบริษัทฯ ตระหนักดีว่าการศึกษาคือรากฐานสำคัญในการพัฒนาเยาวชน ซึ่งจะเป็นพลังสำคัญของสังคมและประเทศชาติต่อไป” 

ทางด้าน ศ. กิตติคุณ นพ.จรัญ มหาทุมะรัตน์ หัวหน้าศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ กล่าวว่า

“ในนามของคณะทำงานของโครงการ เราเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าทุนการศึกษานี้จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยให้ดีขึ้นได้ ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้มีความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ (Craniofacial Deformities) ทำให้เกิดปัญหาหลายประการพร้อมกัน เช่น การกินอาหาร ฟันและการสบฟัน การได้ยิน การพูดไม่ชัด และปัญหาทางจิตใจทั้งของผู้ปกครองและของผู้ป่วยเอง จากปัญหาที่ซับซ้อนนี้เองทำให้การให้การรักษาจำเป็นต้องมีลักษณะเป็นสหสาขาวิชาชีพในการร่วมมือกันเพื่อรักษาให้ครอบคลุมทุกด้าน และเกิดผลดีที่สุดต่อคนไข้แต่ละราย ที่ผ่านมาผู้ป่วยของศูนย์ฯ มีจำนวนมาก ส่วนใหญ่อยู่ต่างจังหวัดและมีฐานะยากจน ต้องขอขอบคุณกลุ่มบริษัทกัลฟ์และคณะทำงานทุกท่านที่ร่วมกันทำให้โครงการทุนการศึกษานี้เกิดขึ้น เพื่อประโยชน์อย่างต่อเนื่องอย่างเป็นรูปธรรม”

ไม่ต้องเรียนดี แต่มีฐานะยากจน

สำหรับการคัดเลือกเด็ก หรือผู้ป่วยที่จะได้รับทุนของโครงการนี้นั้น ทางกัลฟ์จะให้สิทธิ์ทาง “นักสังคมสงเคราะห์” เป็นผู้ประเมิน จะมีเกณฑ์การประเมินทั้งจากฐานะทางการเงินของครอบครัว และความพร้อมในการเรียนของตัวเด็กเองด้วย

แต่ไม่ได้พิจารณาจากผลการเรียน เนื่องจากบางคนอาจมีปัญหาทางสมองควบคู่ด้วย โดยผู้ป่วยที่ได้รับเงินทุนการศึกษานี้เป็นนักเรียนระดับชั้นตั้งแต่อนุบาล 1 – มัธยมศึกษาปีที่ 3 ทั่วประเทศ ทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล สระบุรี นครสวรรค์ พิษณุโลก ศรีษะเกษ ยโสธร บุรีรัมย์ ชัยภูมิ ตรัง และปัตตานี เป็นต้น ซึ่งทุนที่นักเรียนได้รับจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัวได้

ทุนการศึกษา แสงสว่างส่องอนาคต

จากทั้งหมด 51 ทุนที่ทางกัลฟ์ได้มอบทุนการศึกษาให้แก่เด็กๆ ในปีนี้ มีตัวอย่างน้องๆ ที่น่าสนใจหลายราย ได้แก่ “น้องป่าน” เด็กน้อยวัย 9 ขวบที่เข้าออกโรงพยาบาลมากถึง 2-3 แห่ง จนได้รับการเข้ารักษาต่อที่ศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ เมื่อปี 2558 และได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคจมูก และตาห่างกันผิดปกติ น้องป่านได้รับการดูแลจากคุณป้า คุณปู่ และคุณย่าตั้งแต่แรกเกิด เนื่องจากพ่อแม่ไม่พร้อมที่จะดูแล รายได้หลักที่ไม่แน่นอนของครอบครัวมาจากคุณป้าที่มีอาชีพทำสวน กับเบี้ยยังชีพผู้สูงวัย และเบี้ยผู้พิการของน้องป่าน มันไม่ง่ายนักกับการใช้ชีวิตที่มีผู้ป่วย และคนชรา น้องป่านได้รับทุนการศึกษาปีละ 10,000 บาท เป็นเหมือนแสงส่องทางในวันข้างหน้า

ส่วน “น้องขวัญ” วัย 9 ขวบ เข้ารับการรักษาที่ศูนย์ฯ เมื่อปี 2554 ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรค Apert Syndrome ปัจจุบันศึกษาอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 อาศัยอยู่กับพ่อแม่ และพี่ชายวัย 13 ปีที่จ.บุรีรัมย์ โดยครอบครัวประกอบอาชีพเกษตรกร และรับจ้างทั่วไป มีรายได้เฉลี่ยรวมกันทั้งบ้าน 72,000 บาท/ปี จากรายได้ต่อปีที่ไม่มากนัก แต่ต้องใช้จ่ายถึง 4 คน อีกทั้งน้องขวัญยังต้องเดินทางเข้ารับการตรวจติดตามอาการเป็นระยะ ทำให้ครอบครัวเผชิญความยากลำบากทางการเงิน น้องขวัญได้พิจารณารับทุนการศึกษาปีละ 9,000 บาท ช่วยให้น้องขวัญได้ยิ้ม และกินอิ่มเมื่อได้ไปโรงเรียน

โครงการ “หนึ่งทุน หนึ่งฝัน ปั้นอนาคต” เรียกว่าช่วยสร้างโอกาส และความสุขแก่เด็กพิการบนใบหน้า และศีรษะได้อีกครั้ง อีกทั้งยังช่วยแบ่งเบาความเดือดร้อนด้านค่าใช้จ่ายภายในครอบครัว เพราะลำพังแค่ค่ารักษาพยาบาลก็มีค่าใช้จ่ายสูงอยู่แล้ว ที่สำคัญที่สุดก็คือการส่งเสริมคุณภาพชีวิต การส่งเสริมการศึกษา จะช่วยต่อยอดให้เด็กๆ สามารถใช้การศึกษาเลี้ยงชีพตัวเองต่อไปในอนาคตได้อีกด้วย

ท่านที่สนใจสามารถติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวของโครงการ “หนึ่งทุน หนึ่งฝัน ปั้นอนาคต” ได้ทางhttp://www.facebook.com/GulfEnergyDevelopment/  และ https://www.facebook.com/thaicraniofacial