Huawei กุมขมับ “ชิป” ผลิตสมาร์ทโฟนไม่พอ ปีหน้าอาจปิดตำนาน Kirin ในมือถือ

Huawei เครียด “ชิป” ผลิตอุปกรณ์ในโครงข่ายโทรคมนาคมยังมีพอ แต่ที่ใช้สำหรับผลิตสมาร์ทโฟนส่อแววไม่พอ หลังจากสิ้นปีนี้ไป อาจไม่ได้ใช้ชิประดับสูงอย่าง Kirin อีกแล้ว หลังสหรัฐฯ กีดกันไม่ให้ Qualcomm ผู้ผลิตชิปทำการค้าด้วย นอกจากนี้ คาดว่าจะมีการเปลี่ยนไปใช้ระบบ Harmony OS แทนในมือถือ Huawei ทุกรุ่น

Huawei Technologies ยักษ์เทคโนโลยีจีน และเหยื่อรายใหญ่รายแรกในสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ เปิดเผยว่าบริษัทมีซัพพลายชิปเพียงพอสำหรับธุรกิจอุปกรณ์โครงข่ายโทรคมนาคม แต่ไม่เพียงพอสำหรับผลิตโทรศัพท์มือถือ และต้องการจะซื้อซัพพลายใหม่จากบริษัทสหรัฐฯ ทั้งนี้ จะต้องได้รับ “ใบอนุญาต” จากเจ้าหน้าที่รัฐสหรัฐฯ ก่อน ตามกฎหมายใหม่ที่ออกมาเมื่อปี 2019

ความเดิมตอนที่แล้วคือเมื่อปี 2019 สหรัฐฯ มีการออกบัญชีดำที่เรียกว่า Entity List ห้ามมิให้บริษัทอเมริกันทำการค้ากับบริษัทที่อยู่ในรายชื่อ และ Huawei เป็นหนึ่งในบริษัทเหล่านั้น โดยที่ Huawei ยังต้องพึ่งพาส่วนประกอบและซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ อยู่ ที่สำคัญที่สุดคือ “ชิป” จากบริษัท Qualcomm กับ TSMC และระบบปฏิบัติการ Android

บริษัทกล่าวว่า ยังคงมีการประเมินอยู่ว่าผลกระทบจากการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ จะส่งผลแค่ไหน หลังจากได้รับซัพพลายชิปลอตสุดท้ายเข้ามาเติมสต็อกในเดือนกันยายน

“สต็อกชิปเซ็ตสำหรับใช้กับธุรกิจเอนเตอร์ไพรซ์ (หมวดสินค้าที่เกี่ยวกับโครงข่ายโทรคมนาคม) นั้นมีเพียงพอ แต่บริษัทยังมองหาทางแก้ปัญหาชิปเซ็ตสำหรับใช้กับสมาร์ทโฟนอยู่ เนื่องจาก Huawei มีดีมานด์การใช้ชิปเซ็ตในสมาร์ทโฟนหลายร้อยล้านชิ้นทุกปี” Guo Ping กล่าวบนเวที Huawei Connect 2020 งานอีเวนต์ประจำปีของบริษัท

“ชิปเซ็ตของ Qualcomm จะยังใช้กับสมาร์ทโฟนของเรา ถ้าหากพวกเขาได้ใบอนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐฯ Qualcomm เป็นพาร์ตเนอร์ธุรกิจที่ส่งซัพพลายชิปเซ็ตให้เรามานานมากกว่า 1 ทศวรรษ” Ping กล่าว

การบังคับใช้กฎหมาย “แบน” Huawei ออกจากสารบบการค้าของบริษัทเทคฯ อเมริกันเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา ทำให้บริษัท Qualcomm และ TSMC ผลิตและส่งชิปให้ไม่ได้ นอกเสียจากจะได้รับใบอนุญาตจากเจ้าหน้าที่รัฐ และการรับรองอนุญาตก็ดูเหมือนจะไม่มีความแน่นอนแต่อย่างใด

ก่อนหน้านี้ แถลงการณ์ของ Huawei จะย้ำเสมอว่าบริษัทมีการสต็อกซัพพลายชิปเซ็ตเอาไว้แล้ว อย่างไรก็ตาม Richard Yu ประธานกรรมการบริหารกลุ่มธุรกิจคอนซูเมอร์ (หมวดสินค้าที่เกี่ยวกับผู้บริโภครายย่อย) ของ Huawei กล่าวเมื่อเดือนก่อนว่า การคว่ำบาตรของสหรัฐฯ เป็น “ความสูญเสียครั้งใหญ่” และบริษัทอาจจะไม่สามารถออกจำหน่ายโทรศัพท์มือถือที่ใช้เทคโนโลยีชิประดับไฮเอนด์ Kirin ได้หลังจากหมดสิ้นปีนี้

ฝ่ายนักวิเคราะห์มองว่า โอกาสที่สหรัฐฯ จะยอมอนุญาตให้ Qualcomm กลับมาส่งชิปให้ Huawei ได้ก็ริบหรี่ “จากความตั้งใจของสหรัฐฯ ที่พยายามกีดกันไม่ให้ Huawei พัฒนาธุรกิจเทคโนโลยีระดับสูง เช่น 5G ดังนั้น ความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะยกเลิกการแบนเรื่องชิปโทรศัพท์มือถือในระยะเวลาอันสั้นก็มีน้อยมาก” Arisa Liu นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมผลิตชิปจาก Taiwan Institute of Economic Research กล่าว

ด้านปัญหาซอฟต์แวร์ Huawei กล่าวเมื่อเดือนก่อนว่า บริษัทกำลังเตรียมตัวปรับระบบปฏิบัติการบนสมาร์ทโฟนทั้งหมดของค่ายมาใช้ Harmony OS ซึ่งเป็นระบบของบริษัทเอง แทนที่ระบบ Android ที่บริษัทเคยใช้มาตลอด

ธุรกิจสมาร์ทโฟนเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจกลุ่มคอนซูเมอร์ของ Huawei ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจสัดส่วนใหญ่ที่สุดในบริษัท ธุรกิจกลุ่มนี้สร้างรายได้ 3.65 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในช่วงครึ่งปีแรกปี 2020 และสมาร์ทโฟน Huawei สามารถเอาชนะ Samsung แซงขึ้นเป็นเบอร์ 1 ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนที่มีส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดในโลกเรียบร้อยเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยคว้าส่วนแบ่งตลาดไป 19% ส่วน Samsung มีส่วนแบ่งตลาด 17%

หลังจาก Huawei เป็นเหยื่อรายแรกในสงครามเทคโนโลยีของจีน-สหรัฐฯ บริษัทอื่นๆ ก็ถูกโจมตีตามมาอีกเป็นพรวน ไม่ว่าจะเป็นบริษัท AI อย่าง Megvii และ SenseTime หรือกลุ่มแอปพลิเคชันดัง เช่น TikTok, WeChat ด้วยข้อกล่าวหาเดียวกันคือ “เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ” เพราะมีการส่งข้อมูลชาวอเมริกันกลับไปให้รัฐบาลจีน โดยที่บริษัทเทคโนโลยีจีนทั้งหมดในลิสต์ถูกแบนต่างปฏิเสธข้อกล่าวหาเป็นเสียงเดียวกัน

Source