หลังต้องติดอยู่กับบ้านและในเมืองของตัวเองมานานเกือบ 9 เดือน คนจีนอยู่ในช่วงอัดอั้นต้องการออกทริปท่องเที่ยว แต่เนื่องจากทางการยังไม่แนะนำการออกนอกประเทศโดยไม่จำเป็น ทำให้เทรนด์การท่องเที่ยวช่วงเทศกาลหยุดยาว ‘โกลเด้นวีค’ 8 วันของคนจีนเป็นการ “เที่ยวทางไกลในประเทศ” โดยมีเมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือเป็นจุดหมายยอดนิยม Trip.com ประเมินว่าจะมีชาวจีนออกทริปในช่วงดังกล่าว 600 ล้านครั้ง หรือคิดเป็น 77% ของจำนวนทริปเมื่อปีที่แล้วในช่วงเดียวกัน
วันที่ 1 ตุลาคมนี้จะเป็นวันแรกของช่วงหยุดยาว 8 วัน เทศกาล “โกลเด้นวีค” โดยปีนี้จะรวมทั้งวันชาติจีนและเทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วงไว้ในช่วงวันหยุดเดียวกัน โดยพบว่าคนจีนเตรียมตัวออกท่องเที่ยวกันอย่างเต็มที่ หลังต้องติดอยู่กับบ้านหรือในเมืองตัวเองมานานเกือบ 9 เดือน
เอเจนซีทัวร์ออนไลน์อย่าง Trip.com ประเมินไว้ว่าจะมีคนจีนออกท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 600 ล้านครั้งในช่วงวันหยุดยาวนี้ เทียบกับปีที่แล้วซึ่งมีการออกทริปท่องเที่ยวราว 782 ล้านครั้ง เป็นตัวเลขที่ลดลง แต่ก็คิดเป็นสัดส่วนที่สูงถึง 77% ของช่วงเดียวกันปีก่อน
ทางการจีนยังคงเตือนนักท่องเที่ยวให้ระมัดระวังไวรัสโคโรนา แต่ดำเนินนโยบายผ่อนคลายมากขึ้น โดยประกาศเมื่อวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมาว่า ประชาชนสามารถท่องเที่ยวภายในประเทศได้ โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ของจีนถูกจัดให้เป็นพื้นที่ความเสี่ยงต่ำแล้ว เนื่องจากทั้งประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ไม่มีการรายงานการติดเชื้อโรคระบาด COVID-19 ภายในประเทศมามากกว่า 1 เดือน
ทั้งนี้ ยังคงมีคำเตือนไม่ให้ประชาชนเดินทางออกต่างประเทศโดยไม่จำเป็น เพราะโรคระบาดยังแพร่กระจายอยู่ทั่วโลก รวมถึงเตือนให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ และเว้นระยะห่างทางสังคม หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ชุมนุมชนต่อไป
นอกจากพื้นที่จีนแผ่นดินใหญ่แล้ว ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายนนี้ ชาวจีนจะได้รับอนุญาตให้ข้ามไปเที่ยวบน “เกาะมาเก๊า” ได้ เพราะเกาะนี้ไม่มีการรายงานผู้ติดเชื้อภายในเกาะมามากกว่า 1 เดือนแล้วเช่นกัน
จากการปลดล็อกการท่องเที่ยวและความอัดดั้นของชาวจีน บรรดาธุรกิจที่เกี่ยวข้องต่างหวังว่าจะได้รับอานิสงส์ทำรายได้เพิ่มจากกระแสนี้ โดยมีการจัดโปรโมชันหลากหลายประเภท เช่น คูปองลดราคา ฟรีค่าเยี่ยมชมสถานที่ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาในพื้นที่
ทริปทางไกลฮิตในหมู่คนจีน
รายงานของ Trip.com ระบุว่า Top 5 สถานที่ท่องเที่ยวท้องถิ่นยอดนิยมของคนจีน ยังคงเป็นเมืองเดิม คือ ซานย่า ลี่เจียง เซี่ยเหมิน ซีอาน และเฉิงตู
แต่ก็มีพื้นที่ที่เป็นที่นิยมมากขึ้นในปีนี้คือ เมืองหลานโจว มณฑลกานซู่ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน โดยมีคนค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่นี้มากขึ้นเป็น 4 เท่า เมื่อเทียบข้อมูลเดือนกันยายนนี้กับปีก่อน
“เมื่อนักท่องเที่ยวไปต่างประเทศไม่ได้ พวกเขาก็เริ่มมองหาที่เที่ยวในประเทศที่เมื่อก่อนเป็นที่นิยมในกลุ่มคนกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น เพราะต้องใช้เวลาท่องเที่ยวมาก” บริษัทผู้สำรวจระบุ และยังชี้ให้เห็นว่า คนจีนต้องการไปเที่ยวในเมืองที่ไกลกว่าเดิมและพักอยู่นานมากขึ้นในหนึ่งทริป “มีเทรนด์ใหม่ของการไปเที่ยวให้ไกลถึงอีกซีกหนึ่งของประเทศ”
บริษัท Lvmama.com เว็บไซต์จองทริปท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งระบุเช่นกันว่า คนจีนเปลี่ยนจากการเที่ยวต่างประเทศมาเป็นการเที่ยวในประเทศที่ต้องเดินทางไกลขึ้น และพื้นที่เขตตะวันตกเฉียงเหนือซึ่งมีวิวทิวทัศน์ธรรมชาติอันเป็นเอกลักษณ์ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง และยังมีความหลากหลายด้านวัฒนธรรมท้องถิ่น ทำให้ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น
Kuailiu เอเจนซีทัวร์ในเมืองซีหนิง มณฑลชิงไห่ กล่าวตรงกันว่ายอดจองทริปช่วงเทศกาลวันหยุดยาวนี้เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จนบริษัทต้องเพิ่มพนักงานพาร์ตไทม์ในเดือนนี้เพื่อรับนักท่องเที่ยว แต่ถึงแม้จะมียอดจองเข้ามามาก บริษัทยังตรึงราคาเดิมไว้อยู่
อย่างไรก็ดี แม้จะมีเทรนด์ท่องเที่ยวทั่วประเทศ กลุ่มคนที่ไปเที่ยวได้ยังมีเฉพาะผู้ใหญ่ ส่วนกลุ่มครอบครัวพร้อมเด็กวัยเรียนจะมีน้อยกว่า เนื่องจากกฎของโรงเรียนยังเข้มงวดไม่ให้นักเรียนเดินทางเที่ยวนอกเขตเมืองที่ตนเองอาศัย บางโรงเรียนถึงกับออกกฎห้ามโดยเด็ดขาด ยกตัวอย่างโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในเซี่ยงไฮ้ มีกฎว่าถ้าผู้ปกครองพาเด็กออกนอกเมือง จะต้องรายงานโรงเรียน และต้องกักตัว 14 วัน หลังกลับมาจากนอกเมืองด้วย
สำนักข่าว SCMP รายงานว่า ผู้ปกครองบางส่วนยินดีทำตามกฎ และวางแผนวันหยุดยาวทำกิจกรรมกับลูกๆ เฉพาะในเมืองที่ตนเองอาศัย แต่บางส่วนก็ “ทนไม่ไหว” ที่จะต้องอุดอู้อยู่แต่ในบ้านหรือเมืองของตัวเอง และจะพาลูกออกไปเที่ยวต่างจังหวัด
- “นักท่องเที่ยวจีน” พร้อมกลับไทยใน 6 เดือน มองความปลอดภัยต้องมาก่อน พ่วงด้วยโปรฯ โดนใจ
- “ฮาลอง เบย์” คนทะลัก! ชาวเวียดนามแห่เที่ยวหลังรัฐบาลคลายล็อกดาวน์
สำหรับเทศกาลโกลเด้นวีควันชาติจีน ย้อนไปเมื่อปี 2562 เว็บไซต์เอเจนซีออนไลน์ Agoda เคยเปิดข้อมูลไว้ว่า ประเทศไทยคือจุดหมายยอดนิยมในต่างประเทศของคนจีนเป็นอันดับที่ 2 ในเทศกาลนี้ รองจากประเทศญี่ปุ่น โดยมี Top 3 เมืองยอดฮิตในไทยคือ กรุงเทพฯ ภูเก็ต และเชียงใหม่ ส่วน สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เคยประเมินไว้ว่าโกลเด้นวีคเมื่อปีก่อนมีนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยถึง 2.7 แสนคนภายในเวลาเพียง 7 วัน
ส่วนเดือนตุลาคมปี 2563 สถานที่ท่องเที่ยวต่างต้องพึ่งคนไทยเป็นหลักแทน แม้จะมีโปรแกรมให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศได้แต่ก็เป็นโควตาจำนวนน้อยเพียง 1,200 คน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลพยายามจะกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวช่วงปลายปี โดยการเพิ่มวันหยุดยาวพิเศษคือวันที่ 19-22 พ.ย. 63 และ 10-12 ธ.ค. 63
แต่จะได้ผลแค่ไหนต้องรอติดตาม เพราะในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ หลายคนก็เลือกเก็บเงินไว้กับตัวก่อน มากกว่าจะใช้จ่ายไปกับการท่องเที่ยว