“บิ๊กซี” ลุยหนักลดราคายาวถึงปีใหม่ ดึงร้านอาหาร-เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญเข้าห้างฯ

เศรษฐกิจตกสะเก็ดจาก COVID-19 ลูกค้าเข้าห้างฯ น้อยลงบวกสงครามราคา ทำให้ “บิ๊กซี” ต้องออกแคมเปญ “ถูกจริง ประหยัดจริง” ลดราคาสินค้าไปยาวๆ ถึง 4 มกราคม 2564 พร้อมปรับทัพพื้นที่เช่า ดึงร้านอาหารแนวใหม่-เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญเข้าห้างฯ เพิ่มแรงจูงใจให้ลูกค้าอยากมาเดินเล่น ใช้บริการอื่นพ่วงด้วย

“อัศวิน เตชะเจริญวิกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ร่วมด้วย “ปฐพงศ์ เอี่ยมสุโร” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) บริษัทในกลุ่มบีเจซี แถลงแคมเปญใหญ่โค้งท้ายปี “ถูกจริง ประหยัดจริงที่บิ๊กซี” เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภค

โดยจะนำสินค้ากว่า 5,000 รายการลดราคาตั้งแต่ 25 ก.ย. 63 – 4 ม.ค. 64 ยาวมากกว่า 3 เดือน ครอบคลุมทุกหมวดสินค้า ลดทุกวัน ทุกสาขา พร้อมส่วนลด on top เพิ่มอีกเมื่อซื้อถึงยอดที่กำหนด นอกจากนี้ ยังมีโปรโมชันลดราคา 50% เมนูอาหารยอดฮิต 14 เมนูในศูนย์อาหาร Food Park ระหว่างวันที่ 1-31 ต.ค. 63

(ซ้าย) “ปฐพงศ์ เอี่ยมสุโร” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ (ขวา) “อัศวิน เตชะเจริญวิกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน)

“จริงๆ บิ๊กซีเราถูกมาตลอด มีการทำ Price Index Survey เราจะเป็นอันดับ 1 เสมอว่าถูกที่สุด แต่เมื่อเศรษฐกิจเป็นแบบนี้ คนอื่นก็เริ่มมีแคมเปญเรื่องราคาถูก ดังนั้นเราขอทำแคมเปญบ้างเหมือนกันว่าเราคือตัวจริงเรื่องถูก” ปฐพงศ์กล่าว

 

ความถี่ลูกค้าเดินห้างฯ น้อยลง

ผลกระทบจาก COVID-19 ต่อเศรษฐกิจทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลงชัดเจน และทำให้พฤติกรรมการบริโภคเปลี่ยนไป โดยปฐพงศ์ระบุว่า หลังปลดล็อกดาวน์ ลูกค้ามาที่ศูนย์การค้าถี่น้อยลงกว่าเดิม จากเดิมมา 2.3 ครั้งต่อเดือน ลดเหลือราว 2 ครั้งต่อเดือน แต่ตะกร้าสินค้าจะใหญ่ขึ้น ใช้จ่ายต่อครั้งมากขึ้น 5-10%

แม้ยอดซื้อจะเพิ่ม แต่การที่ลูกค้ามาห้างฯ บ่อยน้อยลงจะไปกระทบกับร้านค้าในพื้นที่เช่าของห้างฯ ซึ่งสุดท้ายจะกระทบมาถึงบิ๊กซีเช่นกัน ทำให้ต้องหากลยุทธ์มาดึงลูกค้า

“3 เดือนต่อจากนี้จะท้าทายมาก เราเลยตรึงราคาให้ไปถึงต้นปี 2564 เลย” อัศวินกล่าว “เราต้องหาของถูกมาช่วยลดค่าครองชีพลูกค้า ถ้าลูกค้ามาที่บิ๊กซีเยอะ ร้านเช่าในห้างฯ เราก็อยู่ได้”

อัศวินเสริมว่า การให้ส่วนลดมากจะกระทบกับกำไรของบิ๊กซีที่น่าจะลดลงแต่ไม่ถึงขาดทุน บริษัทต้องยอมตัดกำไรตรงนี้เพื่อให้ระยะยาวยืนอยู่ได้ ถ้าหากมีกำไรเพียงระยะสั้น แต่ลูกค้าลดลง จะเกิดปัญหากับพื้นที่เช่าในอนาคตแน่นอน

 

ลงร้านอาหารใหม่-เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ

นอกจากของถูกในไฮเปอร์มาร์เก็ตแล้ว ตัวพื้นที่เช่าเองก็ต้องมีการปรับให้ตรงกับพฤติกรรมผู้บริโภคด้วย โดยอัศวินอธิบายว่า ปัจจุบันลูกค้าซื้อของกินของใช้เริ่มนิยมไปร้านขนาดเล็กใกล้บ้านมากขึ้น ถ้าหากจะมาเดินห้างฯ ใหญ่แบบไฮเปอร์มาร์เก็ตมักจะมีจุดประสงค์อื่นด้วย เช่น เสาร์-อาทิตย์พาครอบครัวมารับประทานอาหาร

ดังนั้น ร้านค้าที่ลงในบิ๊กซีก็จะมีการปรับให้ตรงกับสิ่งที่ลูกค้าต้องการ ยกตัวอย่าง “ร้านอาหาร” จะมีร้านใหม่ๆ เข้ามา เช่น ก๋วยเตี๋ยวเรือ ร้านสุกี้ อาหารเกาหลี โดยถ้าหากเชนร้านอาหารรายใหญ่ไม่สนใจเช่าพัฒนาร้าน ทางบริษัทหรือในเครือจะพัฒนาร้านเองในพื้นที่

นอกจากนี้ ในบิ๊กซีสาขาใกล้คอนโดมิเนียม จะมีการลง “เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ” ไว้บริการ เพราะเป็นสิ่งที่ลูกค้าในย่านใช้ในชีวิตประจำวัน ทำให้มีจุดประสงค์เพิ่มขึ้นในการเลือกแวะมาห้างฯ บิ๊กซี

 

ไตรมาสสุดท้าย ลงทุน “มินิ บิ๊กซี” ภาคตะวันออก

ด้านการลงทุนเปิดสาขาใหม่ อัศวินกล่าวว่าช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้ยังมีการลงทุน เพียงแต่อาจจะปรับแผนเรื่องรูปแบบร้านที่จะลงทุน

“มินิ บิ๊กซี” ณ สิ้นเดือนกันยายน 63 เปิดไปแล้วทั้งหมด 1,157 สาขา

โดยไตรมาส 4 นี้จะเน้นเปิด “มินิ บิ๊กซี” เป็นหลัก ส่วนใหญ่เป็นสาขาในภาคตะวันออกแถบพื้นที่อีอีซี ซึ่งเป็นแผนที่วางไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เนื่องจากพื้นที่ภาคตะวันออกมีเครือข่ายสาขาขนาดใหญ่เต็มทุกพื้นที่ ทำให้เหมาะกับการแทรกร้านขนาดเล็กอย่างมินิ บิ๊กซีเข้าไปในโครงข่าย เป็นผลดีต่อการกระจายสินค้าจะคุ้มค่ามากขึ้น ส่วนการลงทุนอื่นๆ จะมีการรีโนเวตสาขาเก่าในเมือง เช่น เอกมัย รัชดาภิเษก พระราม 2

อัศวินยังประเมินด้วยว่า จากการพบปะพูดคุยกับบรรดาผู้บริหารต่างประเทศ ดูเหมือนเศรษฐกิจคงไม่กลับมาดีในเร็วๆ นี้ คาดว่าต้องใช้เวลาค่อยๆ ฟื้นตัวอีกถึง 3 ปีกว่าที่เศรษฐกิจจะกลับมาเท่ากับปี 2562 โดยกลุ่มบีเจซีเองยังมีปัจจัยบวกอยู่บ้างที่สินค้าและบริการเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคต้องใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ขวดแก้ว กระดาษ และมีบิ๊กซีเป็นรีเทลที่ช่วยหมุนกระแสเงินสด แต่การลงทุนต่างๆ ก็จะระมัดระวังมากขึ้น