เปิดคู่มือการใช้งาน ‘ซีรีส์วาย’ ที่แบรนด์ต้องรู้ หากอยากได้ใจ ‘สาววาย’ สายเปย์

คงไม่ต้องอธิบายถึงกระแส ‘ซีรีส์วาย’ ในไทยว่าเติบโตแค่ไหน เพราะจะเห็นว่าค่ายต่าง ๆ พร้อมใจกันผลิตซีรีส์วายป้อนตลาดกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น ทีวี ธันเดอร์ ที่ประกาศชัดว่าจะเน้นผลิตซีรีส์วายให้เเพลตฟอร์ม OTT หรืออย่าง WeTV ก็ตั้งเป้าจะเสริมทัพวายซีรีส์ในปีนี้อีก 6-8 เรื่อง ขณะที่ LINE TV เองที่มีซีรีส์วายมากสุดในไทยถึง 33 เรื่อง ก็เตรียมส่งซีรีส์วายชุดใหม่กว่า 10 เรื่องลงจอในครึ่งปีหลังนี้ ดังนั้น ถึงเวลาที่ ‘นักการตลาด’ จะต้องศึกษา Insight เหล่า Y-economic ว่าจะเป็นกำลังอย่างไรให้กับ ‘แบรนด์’ ได้บ้าง

ลำดับขั้น Boys Love

นรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ LINE ประเทศไทย กล่าวว่า LINE Insight ได้ทำการศึกษา Y-economic ในไทย โดยพบว่า 80% ของผู้ชมซีรีส์วายหรือ ‘Boys Love’ ในไทยรับชมผ่าน LINE TV หรือคิดเป็น 18.9 ล้านราย ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงอายุ 18-25 ปี รองลงมาเป็น 25-34 ปี และในจำนวนดังกล่าวสามารถแยกเหล่า Boys Love ได้เป็นลำดับขั้น ดังนี้

New Adopters : กลุ่มที่เพิ่งเข้ามาดูแค่เรื่องแรกเรื่องเดียวแล้วจบไป

Core watchers : กลุ่มที่เริ่มติดหลังจากรับชมเรื่องแรกไป และเริ่มมีการจับกลุ่มคุยกับเพื่อน ๆ ซึ่งคนกลุ่มนี้มีปริมาณใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน

Fandom : กลุ่มที่ดูแล้วชอบมาก พร้อมกับมี Activity มากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งกลุ่มนี้น่าสนใจมาก เพราะพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ซีรีส์และนักแสดงที่เขารัก ‘ดัง’ ไม่ว่าจะการปั่นยอดวิวด้วยการเปิดทิ้งไว้, การซื้อสื่อ Out of Home เพื่อโปรโมตศิลปินให้เป็นที่รู้จัก, พร้อมตามไปสนับสนุนในงานอีเวนต์ และพร้อม ‘เปย์’ สินค้าที่ศิลปินเป็นพรีเซ็นเตอร์ นอกจากนี้ เหล่า Fandom ยังมีอิทธิพลมากบนโซเชียลมีเดียด้วย

“เจอศิลปินยังไงก็ต้องให้ของนะ แม้เราไม่มีจะกิน นี่คือ Passion ของ Fandom”

ซีรีส์วายมีเยอะ แต่เลือกดูจากอะไร

เพราะตลาดซีรีส์วายที่มาแรงแบบไม่มีอะไรมาหยุด แน่นอนว่าเหล่าค่ายผู้ผลิตจึงสร้างซีรีส์วายออกมาเต็มไปหมด แต่ไม่ใช่ว่าเหล่า Boys Love จะดูทุกเรื่อง แต่มีปัจจัยในการเลือกชมดังนี้

1.Main Actor นักแสดงที่แสดงด้วยกันมีเคมีเข้ากันแค่ไหน

2.Story and Plot เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจหรือไม่

3.Producer / Trailer ความน่าสนใจของโปรดิวเซอร์และตัวอย่างของซีรีส์ที่ปล่อยออกมา

4.Novel เพราะ 80% ของซีรีส์สร้างมาจากนิยาย ดังนั้นเขาจะเลือกว่าเคยอ่านหรือไม่

“ส่วนใหญ่ New Adopters และ Core watchers จะรู้จักซีรีส์ผ่าน Social Media โดยคอนเทนต์จะถูกสร้างและช่วยสร้างจาก Fandom เพราะเมื่อเขาเลือกแล้วเขาจะช่วยโปรโมตให้”

ภาพลักษณ์และผลลัพธ์เมื่อแบรนด์ใช้ ‘ซีรีส์วาย’

เมื่อก่อนสปอนเซอร์จะเข้าซีรีส์วายยากมาก แต่ก็มีแบรนด์ที่กล้าจะลองทำตลาด ซึ่งภาพลักษณ์ที่ผู้ชมซีรีส์วายรู้สึกต่อแบรนด์คือ trendy, cheerful, new lifestyle, popular และ Brave แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่แบรนด์ ‘Over Use Actor’ หรือบังคับให้ขายของจนเกินไป เหล่า ‘Fandom’ จะรู้สึกว่า ‘Fake’ ดังนั้น ถ้าจะทำตลาดกับเซ็กเมนต์นี้ต้องระวังส่วนนี้ให้ดี เพราะอย่าลืมว่า Fandom มีอิทธิพลด้าน Social Media

และเมื่อเทียบสินค้าที่มีคุณภาพเหมือนกัน ถ้าสินค้าหนึ่งมีวายแอคเตอร์เป็นพรีเซ็นเตอร์ กลุ่ม Boys Love จะตัดสินใจซื้อโดยทันที หรือถ้าใช้อีกแบรนด์หนึ่งอยู่ก็จะเปลี่ยนแบรนด์ทันที หรือถ้าไม่เคยก็พร้อมที่จะลอง

“ทุกคนตอบเหมือนกันหมด โดยไม่ต้องคิด คือ ใช่ – ซื้อ ไม่มีการคิด มีพาวเวอร์ขนาดนั้น”

ไทอิน ยังไงให้เวิร์ก

การไทอิน (tie-in) หรือการนำสินค้าเข้าไปในฉาก ซึ่งเป็นรูปแบบที่มีการใช้เยอะมากในซีรีส์วาย แต่การไทอินนั้นมีหลายแบบ แต่แบบที่ใช้แล้วประสบผลสำเร็จที่สุดคือ 1.Product Movement หรือมีการจับ ขยับ เคลื่อนไหวไปมา ต่อมา 2.Product Experience หรือมีการดื่ม กิน ใช้งาน และ 3.Special Scene หรือซีนพิเศษ แต่ Product Placement หรือวางสินค้าเฉย ๆ ไม่มีใครจำได้

อย่างไรก็ตาม แต่ละวิธีนั้นมีความเสี่ยง เพราะถ้ายัดเยียดมากไปจะทำให้เกิดภาพลบ ขณะที่ Special Scene ยังไม่เห็นผลใน แง่ลบ เพราะมันคือการเขียนบทใหม่ขึ้นมาจากสิ่งที่ Y-Watchers อยากดู เช่น ฉากที่กุ๊กกิ๊กกัน ซึ่งที่ไม่มีผลในแง่ลบเพราะแบรนด์ endorse ให้ Y-Watchers ได้ดู แต่ไม่มีให้ดูในเนื้อเรื่องหลัก

เมื่อดูจากพฤติกรรมจากพฤติกรรมและตัวเลขการเติบโต และไม่ใช่แค่ในไทยแต่เป็นกระแสของเอเชีย ดังนั้น อาจถึงเวลาแล้วที่แบรนด์ต้องลอง เปิดรับ เอาซีรีส์วายมาเป็นเครื่องมือในการทำการตลาด เพราะหากทำสำเร็จเหล่า Fandom ไม่ใช่แค่พร้อมเปย์และสนับสนุนทั้งศิลปินและแบรนด์ไปจนสุดทาง