Robinsons หนึ่งในห้างเก่าเเก่ที่สุดของสิงคโปร์ ที่ดำเนินกิจการมากว่า 162 ปี ประกาศปิด 2 สาขาสุดท้าย หลังคนเดินห้างลดฮวบจากผลกระทบ COVID-19 เเละพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป
Robinsons (โรบินสันส์) บริษัทลูกในเครือของ Al-Futtaim Group ระบุว่า บริษัทได้ตัดสินใจปิดห้างสรรพสินค้า 2 สาขาสุดท้ายในสิงคโปร์ที่ The Heeren เเละศูนย์การค้า Raffles City ลง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการซื้อสินค้าในห้าง และดีมานด์ที่ลดลงจากการแพร่ระบาดของ COVID-19
โดย Robinsons ได้เริ่มกระบวนการชำระบัญชีของทั้ง 2 สาขา และแจ้งพนักงานให้ทราบถึงสถานการณ์ดังกล่าวแล้ว ซึ่งผู้ชำระบัญชีชั่วคราวจะเข้าจัดการทรัพย์สินของบริษัท พร้อมประเมินทางเลือก เพื่อเพิ่มผลตอบแทนสูงสุดให้แก่เจ้าหนี้ ส่วนพนักงานจะได้รับเงินตามกฎหมายล้มละลาย การปรับโครงสร้าง และเลิกกิจการ
ตอนนี้ ทางห้างฯ จะยังเปิดทำการต่อไปในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า ก่อนที่จะปิดตัวลงอย่างถาวร โดยกำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ให้เช่าพื้นที่
ทั้งนี้ Al-Futtaim Group ยังดำเนินธุรกิจค้าปลีกอื่น ๆ เช่น Marks & Spencer และ Zara ในสิงคโปร์และมาเลเซีย
การ “ซื้อของออนไลน์” เป็นที่นิยมขึ้นอย่างมาก ท่ามกลางพฤติกรรมการซื้อที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค ในช่วงการเเพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้ความต้องการ “เดินห้าง” ขนาดใหญ่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยยอดขายของห้างสรรพสินค้าในสิงคโปร์ ลดลงถึง 35.3% ในเดือนสิงหาคม
มรสุมห้างค้าปลีก เริ่มมีมาตั้งเเต่ช่วงก่อนโรคระบาดทั้งในสิงคโปร์และทั่วโลก เเต่ผลกระทบจาก COVID-19 ทำให้ปัญหานี้รุนแรงขึ้น
ในช่วงที่ผ่านมา เเบรนด์เเฟชั่นค้าปลีกทั้งหลายอย่าง Zara เเละ H&M เริ่มกลยุทธ์ “ปิดร้านเพิ่มขึ้น–เปิดน้อยลง” เพิ่มการลงทุนดิจิทัล เพื่อรองรับผู้บริโภคทางออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น
- ปรับรับลูกค้าเปลี่ยน “ช้อปเสื้อผ้าออนไลน์” มาเเรง H&M ตัดสินใจปิดสาขา 250 แห่งทั่วโลก
- “ฟาสต์เเฟชั่น” พลิกเกมบุก “ออนไลน์” ดันยอดขาย Zara พุ่ง กลับมามีกำไรในไตรมาส 2
โดย Zara ตั้งเป้าจะปิดร้านค้าขนาดเล็กประมาณ 1,000-1,200 สาขาทั่วโลก ภายในช่วง 2 ปีนี้โฟกัสเฉพาะสาขาใหญ่เท่านั้น เเละหันมาบุกออนไลน์อย่างเต็มสูบ
ไม่ใช่เเค่เจ้าใหญ่อย่าง H&M และ Zara เท่านั้น ตอนนี้ค้าปลีกเเฟชั่นอย่าง American Eagle Outfitter (AEO) และ GameStop (GME) ก็เพิ่งประกาศแผนการปิดสาขาไปหลายร้อยแห่ง เนื่องจากกระเเสช้อปปิ้งออนไลน์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง กระตุ้นให้เเบรนด์ต่างๆ ต้องรีบมาทุ่มลงทุนด้านดิจิทัลเเทนนั่นเอง ปัจจัยเหล่านี้ทำให้
“ห้างสรรพสินค้า” ที่เป็นเเลนด์ลอร์ด…ต้องปรับทัพกันยกใหญ่เลยทีเดียว
ที่มา : CNA , Business Times