“เมื่อจุดสูงสุดหยุดเราไม่ได้ ใครๆ ก็คิดว่าการที่สิงห์จับมือกับแมนฯ ยู เป็นจุดสูงสุดของเราแล้ว แต่ไม่ใช่วันนี้เราเลือกทีมอันดับ 1 ของพรีเมียร์ลีก แสดงว่าคำว่า จุดสูงสุดไม่มีตัวตน” ปิติ ภิรมย์ภักดี บอกถึงอาวุธเด็ดล่าสุดของสิงห์ที่จะใช้ตีตลาดโลก
สิงห์ต่อยอด Sport Marketing โดยมีฟุตบอลเป็นหัวหอกหลักอย่างไม่หยุดยั้ง เมื่อเซ็นสัญญาเป็น Global Partner กับเชลซี หรือ The Blues ที่ล่าสุดคว้าดับเบิลแชมป์มาครอง หลังการประกาศตัวเป็น Global Partner กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้ไม่นาน
ปิติ ภิรมย์ภักดี บอกว่าการสนับสนุนเชลซีวาง Positioning แตกต่างจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยมุ่งจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่คลั่งไคล้ฟุตบอล ซึ่งเป็นฐานแฟนคลับของทีมเชลซีอยู่แล้ว โดยช่วง 5 ปีหลังนี้มีผลงานโดดเด่นระดับแชมป์การันตี และมีแฟนคลับทั่วโลกราว 100 ล้านคน ดังนั้นแม้จะเป็นทีมที่ไม่ได้ขายตำนานความสำเร็จอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่เชลซีคือทีมของคนรุ่นใหม่ที่ในจีนก็มีแฟนอยู่มาก ถึงขนาดที่มีเชลซี บาร์เป็นแห่งแรกนอกอังกฤษ ขณะที่กัมพูชาและเกาหลีใต้คลั่งผีแดงมาก
“เราไม่ต้องการเปิดโอกาสให้คู่แข่ง แมนฯ ยูคือความขลัง คือตำนาน เป็นคนที่ประสบความสำเร็จ ขณะที่เชลซีคือคนหนุ่มไฟแรง เหมือนเรามีทั้งหมัดซ้าย หมัดขวา หรือเหมือนเรามีทั้งโค้กและเป๊ปซี่อยู่ในมือ”
ค่าเงินปอนด์ที่อ่อนแรง ยิ่งทำให้การตัดสินใจครั้งนี้ของสิงห์รวดเร็วขึ้น โดยสิงห์ทุ่มเม็ดเงิน 8 ล้านปอนด์กับสัญญา 4 ปี เพื่อเป็น Global Partner ในรูปแบบของ Platinum Partnerกับเชลซี ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษ ทั้งป้ายโฆษณา สิทธิ์ในการจำหน่ายเบียร์สิงห์ ลีโอ โซดา และน้ำดื่ม ผ่าน Kiosk 45 จุด ในสนามStamford Bridge ความจุเกือบ 42,000 คน และโรงแรมของเชลซีอีก 2 แห่ง เริ่มต้นตั้งแต่ฤดูกาล 2010/2011 เป็นต้นไป
“ดีลนี้ง่าย ขอส่งเดชไปก็ได้หมด แต่ก่อนหน้าเราปฏิเสธ เนื่องจากได้เซ็นสัญญากับแมนฯ ยูเรียบร้อยแล้ว แต่เชลซีบอกไม่มายด์ และให้ทุกอย่างที่เราขอ เขามาในแบบนักเลงมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผลิตภัณฑ์ สิทธิ์ในการเปิด Brand Experience Center ซึ่งประกอบด้วย เชลซี ช็อป เชลซี บาร์ หรือแม้แต่การใช้เบียร์แปลงเป็นมูลค่าเงิน ซึ่งถือว่าคุ้มแล้ว” ฉัตรชัยบอกปนอารมณ์ขันถึงดีลที่เจรจาผ่านเฉพาะอีเมล และเห็นหน้าคู่สัญญาเป็นครั้งแรกก็เมื่อวันเซ็นสัญญา
ในไทยเอง สิงห์จะแพ็กคู่ไปกับเชลซีในคราบของน้ำดื่มเพื่อบุกทะลวงทำกิจกรรมกับนักศึกษามหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นพื้นที่ต้องห้ามของแบรนด์แอลกอฮอล์ นับเป็นกลยุทธ์การตลาดที่แยบยลอีกครั้งของสิงห์
เชลซีจึงไม่ใช่เครื่องมือที่ช่วยให้สิงห์ขยับเข้าสู่เป้าหมายยอดขายในต่างแดนที่วางไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเท่าตัวภายใน 3 ปี เท่านั้น แต่เป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์ของบุญรอดฯ ทั้งพอร์ตอีกด้วย
ด้านเชลซีเองก็ต้องการที่จะจับมือกับสิงห์เป็นอย่างมาก เพราะมีเป้าหมายเดียวกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือต้องการบุกตลาดเอเชียซึ่งเป็นรู้ดีกันดีว่ามีศักยภาพด้วยฐานประชากรและเศรษฐกิจ และต้องการเป็นแบรนด์ฟุตบอลอันดับ 1 ภายใน 5 ปี ดังนั้นเมื่อหมดสัญญากับไฮเนเก้น เชลซีจึงยื่นข้อเสนอกับสิงห์ทันที
“ใครๆ ก็อยากบุกเอเชีย โดยเฉพาะจีน ขายเสื้อทีก็ถล่มทลายแล้ว”
ขณะที่ ฉัตรชัย วิรัตน์โยสินทร์ บอกว่า ไม่ต้องการให้ภาพของสิงห์เป็นเบียร์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด การสนับสนุนเชลซีด้วย ทำให้ภาพของสิงห์กับการเป็นเบียร์สำหรับคอบอลชัดเจนยิ่งขึ้น
นับเป็นการรุกที่ว่องไวของสิงห์และจะไม่หยุดคำรามเพียงเท่านี้ เพราะสิงห์ยังซื้อป้ายโฆษณาอีกกว่า 100 แมตช์ในพรีเมียร์ลีก เพื่อสร้าง Brand Awareness ผ่านการถ่ายทอดสดทั่วโลกอีกด้วย ขณะที่อีกภายใน 1-2 ปีการตะลุยเป็นสปอนเซอร์ทีมฟุตบอลและลีกต่างๆ ในยุโรปกำลังจะเริ่มขึ้น
โดยคำสั่งล่าสุดจาก สันติ ภิรมย์ภักดี คือ ให้ดู “เยอรมัน” ส่วนข้อเสนอจากอิตาลี สเปน ก็กองล้นอยู่บนโต๊ะของฉัตรชัย รอการเปิดเจรจาในอนาคต
สโมสรฟุตบอลที่ทำรายได้สูงสุดในโลก ปี 2008/2009 | |
ทีม | จำนวน |
1.รีล มาดริด | 401.4 ล้านยูโร |
2.บาร์เซโลน่า | 305.9 ล้านยูโร |
3.แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด | 327.0 ล้านยูโร |
4.บาเยิร์น มิวนิค | 289.5 ล้านยูโร |
5.อาร์เซนอล | 263 ล้านยูโร |
6.เชลซี | 242.3 ล้านยูโร |
ที่มา : Deloitte Football Money League