iQIYI (อ้ายฉีอี้) เข้ามาเติมความร้อนแรงในธุรกิจสตรีมมิ่ง เปิดตลาดไทยอย่างเป็นทางการ วางเป้าหมายเป็นแหล่งคอนเทนต์สไตล์ “เอเชียน” มาครบทั้งจีน เกาหลี ญี่ปุ่น และไทย ถึงมาช้ากว่าแต่เชื่อว่ายังมีช่องว่างให้แทรกตัว โดยต้องชนกับเจ้าตลาดเดิมทั้งทางตรงทางอ้อม แย่งเวลารับชมจากคนไทยกันอย่างดุเดือด!
iQIYI (อ้ายฉีอี้) ชื่อนี้อาจจะไม่คุ้นหูชาวไทยทั่วไปนัก แต่เป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งยักษ์ใหญ่ของจีน มีฐานคนดูถึง 600 ล้านคน โดยเป็นแพลตฟอร์มภายใต้เครือ Baidu เสิร์ชเอนจิ้นอันดับ 1 ของแดนมังกร
ในประเทศจีนนั้น คอนเทนต์ประเภทวิดีโอจะแข่งกัน 3 เจ้าหลัก คือ iQIYI, Tencent Video และ YOUKU อย่างไรก็ตาม YOUKU จะเป็นแพลตฟอร์มแบบเดียวกับ YouTube คือเน้นคอนเทนต์ที่สมาชิกผลิตขึ้นเอง (UGC : User-generated Content) ดังนั้น สตรีมมิ่งที่ลงฉายคอนเทนต์ระดับมืออาชีพ หลักๆ จึงเป็นสองยักษ์ iQIYI กับ Tencent Video ที่สู้กันมาตลอด
สำหรับ Tencent Video ในไทยจะใช้ชื่อ WeTV เข้ามาเปิดตลาดอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2562 และบูมสุดขีดทันทีเมื่อลงสตรีมซีรีส์ “ปรมาจารย์ลัทธิมาร” กวาดคนดูเข้าแพลตฟอร์มจำนวนมาก และทำให้กระแสซีรีส์จีนในไทยกลับมาเป็นหนึ่งในกระแสหลักอีกครั้ง
หลังจากเปิดตลาดด้วยซีรีส์จีนไปแล้ว WeTV ก็เริ่มลุยต่อกับคอนเทนต์เอเชียนอื่นๆ โดยจากนี้จะมีทั้งซีรีส์จีน เกาหลี ไทย โดยเฉพาะ Original Content กับผู้จัดชาวไทย ยกตัวอย่างล่าสุดเป็นเรื่อง “อาทิตย์อัสดง” ซีรีส์ไทยแนวสยองขวัญที่ WeTV ลงทุนสร้าง
ไม่ใช่แค่จีน แต่เป็นแหล่งคอนเทนต์เอเชียน
ส่วน iQIYI ที่เพิ่งเข้ามาเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แม้จะเสียเปรียบที่มาช้ากว่า แต่ก็มีฐานแฟนซีรีส์จีนอยู่แล้วไม่น้อยเหมือนกัน โดยเป็นกลุ่มแฟนพันธุ์แท้ที่ลงทุนใช้ VPN เพื่อฝ่ากำแพงเข้าไปรับชม (ก่อนหน้านี้ iQIYI ยังไม่เปิดให้ชมนอกประเทศจีน)
จนกระทั่งปีนี้ที่เริ่มเปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการ iQIYI เป็นที่รู้จักมากขึ้นเมื่อลงสตรีมรายการแข่งขันค้นหาไอดอลหน้าใหม่ในประเทศจีน “Youth with You ซีซั่น 2” ซึ่งมี “ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล” หรือ ลิซ่า วง Blackpink เป็นหนึ่งในเมนเทอร์ ทำให้เหล่าแฟนคลับติดตามดูรายการกันแบบเหนียวแน่น แม้จะไม่ถึงกับดังเปรี้ยง แต่ก็ได้ฐานคนดูสายเกาหลีเข้ามาเพิ่ม
สำหรับทิศทางที่จะเกิดขึ้นต่อไปนั้น “ผ่านศึก ธงรบ” ผู้อำนวยการฝ่ายเนื้อหา สำนักธุรกิจระหว่างประเทศ iQIYI ประเทศไทย กล่าวว่า เป้าหมายของแพลตฟอร์มต้องการจะเป็นแหล่งรวมคอนเทนต์ “เอเชียน” ทั้งหมด โดยจะแบ่งเป็นคอนเทนต์จีน 50% และอีก 50% จะผสมกันทั้งเกาหลี ญี่ปุ่น และไทย เพื่อให้ภาพจำของแพลตฟอร์มไม่ใช่มีแต่ซีรีส์จีนเท่านั้น แต่มีให้ชมอย่างหลากหลาย
แน่นอนว่าคอนเทนต์เกาหลีก็จะเป็นซีรีส์เกาหลีที่คนไทยชื่นชอบ ส่วนคอนเทนต์ญี่ปุ่น จะเน้นสายการ์ตูน-อนิเมะ ซึ่งผ่านศึกมองว่า หลายคนมักจะมองข้ามการ์ตูนญี่ปุ่นเพราะกระแสไม่หวือหวา แต่ที่จริงเป็นประเภทคอนเทนต์ที่ฐานคนดูใหญ่มาก คอนเทนต์เหล่านี้จะได้เห็นอย่างชัดเจนขึ้นในปี 2564
ปิดท้ายด้วยคอนเทนต์ไทย ส่วนนี้ iQIYI มีวิสัยทัศน์การลงทุนเพื่อสร้าง Original Content ตั้งแต่ที่ประเทศจีน และจะคงวิสัยทัศน์เดียวกันเมื่อออกมาลงทุนต่างประเทศ โดยล่าสุดเพิ่งประกาศเปิดตัวซีรีส์เรื่อง “โลกทั้งใบให้นายคนเดียว เดอะซีรีส์” เป็นโปรเจกต์ร่วมทุนกับ ช่อง 8 ในเครืออาร์เอส กรุ๊ป และผ่านศึกย้ำว่า การทำ Original Content จะเป็นแกนหลักอย่างหนึ่ง ทำให้ปีต่อๆ ไปจะได้เห็นแพลตฟอร์มจับมือกับพาร์ตเนอร์ชาวไทยอีกมาก
มาด้วยทุน องค์ความรู้ และเทคโนโลยี
เมื่อเป็นหน้าเก่าที่จีนแต่เป็นหน้าใหม่ที่ไทย ผ่านศึกระบุว่าตลาดมีความท้าทายสูง แต่ก็เชื่อว่า iQIYI มีจุดแข็งพอที่จะเบียดแย่งตลาดมาได้
“OTT ในไทยมีเยอะแล้วก็จริง แต่เรามองเป็นความท้าทาย และเราก็มีจุดแข็ง คือองค์ความรู้จากจีนที่ให้บริการมานาน 10 ปี เน้นเรื่องเทคโนโลยีทุกขั้นตอน และในไทยเรามาด้วยธุรกิจนี้ธุรกิจเดียว ทำให้เรามุ่งเน้นกับธุรกิจนี้เท่านั้น” ผ่านศึกกล่าว
เทคโนโลยีที่ผ่านศึกกล่าวถึง เช่น คุณภาพของภาพและเสียงที่ดีกว่า ความเร็วในการดาวน์โหลด ความเร็วในการผลิตซับไตเติลให้กับซีรีส์ตอนใหม่เพื่อลงสตรีมให้เร็วที่สุด ไปจนถึงเทคโนโลยีการถ่ายทำและความพยายามสร้างนวัตกรรมใหม่
- “ช่อง 8” สู่น่านน้ำใหม่ใน OTT จับมือ iQIYI ปัดฝุ่นหนังในตำนาน “โลกทั้งใบให้นายคนเดียว”
- ‘WeTV’ ร่วมวงจับตลาด ‘ซีรีส์วาย’ ผนึก 3 ค่ายใหญ่เปิดโปรเจกต์ ปฏิบัติการณ์หัวใจ ‘วาย’
iQIYI นั้นเพิ่งจะเริ่มออกทำตลาดต่างประเทศครั้งแรกเมื่อปี 2562 โดยเปิดให้ชาวต่างประเทศเข้าดูคอนเทนต์ได้ แต่จะมีบางประเทศเท่านั้นที่ถือเป็นตลาดมุ่งเน้น และจัดตั้งทีมท้องถิ่นเพื่อสร้างคอนเทนต์แบบ Localized หนึ่งในนั้นคือ “ประเทศไทย” ส่วนประเทศอื่นๆ ที่มีการตั้งทีมแล้ว เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น
iQIYI ต้องชนกับเจ้าอื่นทั้งทางตรงทางอ้อม
ว่ากันที่ราคาบ้าง iQIYI ให้บริการแบบ “ฟรีเมียม” คือดูฟรีมีโฆษณาคั่น แต่สามารถสมัครสมาชิกพรีเมียมได้เพื่อปิดโฆษณา พร้อมรับสิทธิ์ดูตอนใหม่ของซีรีส์ล่วงหน้าได้มากกว่าสมาชิกปกติ คิดราคา 119 บาทต่อเดือน โปรโมชันเดือนแรกลดเหลือ 15 บาทต่อเดือน
แพ็กเกจราคาแบบนี้เป็นลักษณะเดียวกับ WeTV ซึ่งใช้ระบบฟรีเมียม ผู้สมัคร VIP จะได้ดูจำนวนตอนมากกว่า ทำให้ iQIYI ชนกับ WeTV ตรงๆ เหมือนกับในประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์ที่มุ่งเป็นแพลตฟอร์มสายเอเชียน โดยมีคอนเทนต์จีนเป็นตัวชูโรงเหมือนกัน และแพ็กเกจราคาแบบฟรีเมียมเหมือนกันอีก
นอกจาก iQIYI จะต้องสู้กับ WeTV ตรงๆ แล้ว คอนเทนต์เอเชียนยังคาบเกี่ยวชนกับเจ้าตลาดเดิมอื่นๆ อีก เช่น LINE TV ซึ่งกลายเป็นแพลตฟอร์มแห่งคอนเทนต์ไทยไปแล้ว รวมถึง Viu (วิว) ซึ่งเน้นไปสายเกาหลี เสริมด้วยละครไทยและญี่ปุ่น
ที่กล่าวมายังไม่นับคู่แข่งทางอ้อมในกลุ่มสตรีมมิ่งที่เน้นซีรีส์ตะวันตก เช่น Netflix, HBO รวมถึง Disney+ ที่กำลังจะเข้ามาเร็วๆ นี้ ซึ่งมีโอกาสแย่งเวลาผู้ชมไปเหมือนกัน ดังนั้น ศึกชิงเจ้ายุทธภพสตรีมมิ่งจะเดือดยิ่งกว่าที่เคย และใครที่ไม่แข็งแรงพออาจต้องม้วนเสื่อกลับบ้าน เหมือนอย่าง HOOQ ที่เพิ่งปิดกิจการในไทยไปเมื่อนเดือนเมษายนที่ผ่านมา