ทำไม คาร์ฟูร์ ต้องขายกิจการ

คาร์ฟูร์พกพาดีกรีระดับ “แชมป์” มาบุกตลาดเมืองไทย โดยเปิดสาขาแรกเมื่อปี 2539 ทั้งนี้คาร์ฟูร์จัดเป็นค้าปลีกขนาดใหญ่ระดับโลกเป็น อันดับ 1 ในยุโรป และเอเชีย อันดับ 2 ของโลกรองจากวอลมาร์ท มีรูปแบบสโตร์ 4 รูปแบบ คือ ไฮเปอร์มาร์เก็ต ซูเปอร์มาร์เก็ต ฮาร์ด ดิสเคานต์ สโตร์ (เน้นสินค้าราคาถูกและเฮาส์แบรนด์) คอนวีเนียน สโตร์ โดยในไทยปักธงด้วยไฮเปอร์มาร์เก็ต มีเทสโก้ โลตัสและบิ๊กซี เป็นคู่แข่งทางตรง

ทศวรรษที่ผ่านมาคาร์ฟูร์ไม่อาจฉีกตัวเองให้โดดเด่นจากคู่แข่งที่แข็งแกร่งได้ คาร์ฟูร์เป็นไฮเปอร์มาร์เก็ตที่มีการขยายสาขาช้าที่สุดในบรรดาผู้เล่นทั้งหมด แม้จะเข้ามาดำเนินการเป็นรายที่ 2 ต่อจากบิ๊กซีก็ตาม ปัจจุบันมีจำนวนสาขารั้งท้าย ปล่อยให้ผู้เล่นอย่างเทสโก้ โลตัส ที่เข้ามาเป็นรายที่ 3 เร่งสปีดขึ้นแท่นเป็นเบอร์ 1 อย่างเบ็ดเสร็จ

จนกระทั่งถึงวาระของการขายกิจการคาร์ฟูร์ในไทย และอีก 2 ประเทศในเอเชียคือมาเลเซียและสิงคโปร์ ที่บริษัทแม่ดูตัวเลขผลประกอบการและทิศทางธุรกิจในอนาคตแล้วว่า “ไม่ปลื้ม”

ทั้งนี้ตลาดค้าปลีกเมืองไทยที่ปัจจุบันธุรกิจค้าปลีกมีมูลค่าทางการตลาดมหาศาลถึง 400,000 ล้านบาทนั้น เรียกได้ว่า “แข่งดุทุกสายพันธุ์” ไล่มาตั้งแต่ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต คอนวีเนียนสโตร์ และยักษ์ใหญ่อย่างไฮเปอร์มาร์เก็ตที่ใหญ่ทั้งขนาดและกำลังเงิน โดยเฉพาะเทสโก้ที่ลุยดะชนทุกรูปแบบ และปูพรมทั่วประเทศแล้ว ขณะที่คาร์ฟูร์เองยังมีสาขาในต่างจังหวัดน้อยมาก

อย่างไรก็ตาม ความพยายามล่าสุดของคาร์ฟูร์ คือ การเปิดแบรนด์ใหม่ “คาร์ฟูร์ มาร์เก็ต” ซึ่งเป็นรูปแบบซูเปอร์มาร์เก็ตที่เน้นสินค้าอุปโภคบริโภค แต่ขณะนี้ยังมีอยู่เพียงสาขาเดียวที่หทัยราษฎร์ บางชัน และเพิ่งเปิดไปเมื่อเมษายน 2553 ที่ผ่านมา และบริษัท เซ็นคาร์ จำกัด ตั้งเป้าไว้เป็นรูปแบบหลักที่จะขยายสาขาในปีนี้เพราะใช้พื้นที่ไม่มากคือขนาด 2,000 ตร.ม. และเงินลงทุน 200 ล้านบาท เฉลี่ยแล้วใช้งบต่ำกว่ารูปแบบไฮเปอร์มาร์เก็ตกว่าครึ่ง

ระบบ CRM ของคาร์ฟูร์ก็ไม่เป็นรองใคร เพราะเน้นหนักกับ I- Wish Card มาเกือบ 3 ปี และมีฐานสมาชิกในมือเกือบ 2 ล้านคน ก็เป็นฐานข้อมูลชั้นดีในการ Short Cut ไปสู่ผู้บริโภค

จากรายงานของ Bloomberg มีการประเมินว่ามูลค่าธุรกิจในไทยของคาร์ฟูร์ 45 สาขา อยู่ที่ราว 500-600 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 16,500-19,800 ล้านบาท ซึ่งมีมูลค่าสูงกว่าในสิงคโปร์ (2 สาขา) และมาเลเซีย (19 สาขา)

ทั้งนี้ยอดขายของคาร์ฟูร์ในเอเชียไม่ถึง10% ของยอดขายคาร์ฟูร์ทั้งหมด (ปี 2552 คาร์ฟูร์มียอดขายทั่วโลก 85,963 ล้านยูโร มาจากเอเชีย 6,641 ล้านยูโร) มีสาขาทุกรูปแบบในเอเชีย 742 สาขา (ณ วันที่ 15 กรกฎาคม 2553) โดยตลาดใหญ่ของคาร์ฟูร์ในเอเชียคือ จีน ไต้หวัน และอินโดนีเซีย จึงไม่แปลกใจหากคาร์ฟูร์จะหมดแรงขับเคลื่อนตลาดที่เหลือจนถึงกับต้องขายกิจการ ก่อนหน้านี้ก็โบกมือลาจากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้มาแล้ว

ไทยเองผลประกอบการเป็นอันดับ 4 ในเอเชีย ในไตรมาส 2 ปี 2553 นี้ก็ติดลบ 0.9 สาเหตุส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการชุมนุมประท้วงของกลุ่มเสื้อแดง ทำเงินให้คาร์ฟูร์เพียง 1% เท่านั้น มิหนำซ้ำก็เป็นเพียงค้าปลีกที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของไทย ด้วยส่วนแบ่งการตลาดเพียง 2% ขณะที่ตลาดในฝรั่งเศสถือว่าใหญ่ที่สุด ส่วนยุโรปอื่นๆ เช่น สเปน อิตาลี ก็ผลประกอบการดี เช่นเดียวกับตลาดใหม่อย่างอเมริกาใต้อย่างบราซิล และตลาดเอเชียที่ควรค่าแก่การลงทุนอย่างจีน และอินโดนีเซีย ที่ดีวันดีคืนโดยมีปัจจัยสนับสนุนในเรื่องของจำนวนประชากรและเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้คาร์ฟูร์ เอสเอ บริษัทแม่จะเรียกและเปิดทำการประมูลภายในเดือนกันยายน 2553 นี้ คาดว่าจะมี Big Player ทั้งที่อยู่ในธุรกิจค้าปลีกอยู่แล้ว รวมถึงธุรกิจอื่นๆ ร่วมแข่งขันเพื่อแย่งชิงคาร์ฟูร์ในแต่ละประเทศตามแต่ความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นเทสโก้ อิออน บิ๊กซี แดรี่ ฟาร์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ลอตเต้ รวมถึงเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ แต่หลายรายก็ออกมาปฏิเสธว่าเป็นเพียงข่าวลือ

ในไทยเองมีไม่กี่รายที่มีศักยภาพพอจะซื้อได้ โดยไม่เจ็บตัว เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ของเจริญ สิริวัฒนภักดี เป็นข่าวหนาหูว่าคาร์ฟูร์ เอสเอ สนใจให้เข้าร่วมประมูล และคาดว่าจะเป็นผู้ท้าชิงอันดับ 1

หากมองโอกาสแล้ว คาร์ฟูร์มีคอนวีเนียน สโตร์มีกว่า 10 แบรนด์ กับขนาดที่หลากหลายตั้งแต่ 50-900 ตารางเมตร และที่ฝรั่งเศสนำเสนอสินค้าและบริการที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น บริการซักแห้ง บริการรับส่งสินค้า รับถ่ายเอกสาร และจำหน่ายบัตรชมภาพยนตร์ เป็นต้น และถ้าเบอร์ลี่ ยุคเกอร์คิดการใหญ่พอ อาจมองไปถึงคอนวีเนียนสโตร์ที่จะเป็นช่องทางสำคัญและมีศักยภาพแม้ในขณะนี้จะมีผู้เล่นรายใหญ่อย่าง 7-Eleven ครองพื้นที่ทั่วประเทศแล้วก็ตาม แม้ในไทยจะมีคาร์ฟูร์ ซิตี้ ที่เป็นรูปแบบคอนวีเนียน สโตร์อยู่แล้วก็ตาม แต่ก็ยังเป็นเหมือน Pilot Project

ก้าวขึ้นสู่ปีที่ 15 ของคาร์ฟูร์ในเมืองไทย ภายใต้การบริหารงานของกลุ่มทุนใหม่ น่าจะสร้างสีสันและเร่งเร้าให้ตลาดค้าปลีกโดยเฉพาะไฮเปอร์มาร์เก็ตเดือดยิ่งกว่าเดือด

นี่จึงอาจเป็นการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคใหม่ของคาร์ฟูร์ในไทยที่กล้าจะรุกธุรกิจแบบ Aggressive มากขึ้น

เปรียบเทียบจำนวนสาขา (All Format)

คาร์ฟูร์ 45 สาขา

บิ๊กซี 68 สาขา

เทสโก้ 586 สาขา