3 แบรนด์เสื้อผ้าเครือ Zara “ปิดสาขา” หน้าร้านทั้งหมดใน “จีน” ลุยออนไลน์เต็มตัว

3 แบรนด์ย่อยในเครือบริษัทเดียวกับ Zara ได้แก่ Bershka, Pull&Bear และ Stradivarius เตรียมปิดหน้าร้านสาขาทั้งหมดในประเทศจีน และมุ่งสู่การขายออนไลน์เท่านั้น ตามแผนธุรกิจใหม่ของบริษัทแม่ รับมือตลาดจีนที่เป็นเรดโอเชียนธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่น

Woman’s Wear Daily รายงานอ้างอิงแหล่งข่าววงในว่า บริษัทฟาสต์แฟชั่น Inditex ยักษ์ใหญ่จากสเปน เตรียมปิดสาขาหน้าร้านออฟไลน์ทั้งหมดในจีนของ 3 แบรนด์ในเครือ ได้แก่ Bershka, Pull&Bear และ Stradivarius เหลือเฉพาะการขายออนไลน์เท่านั้น โดยปัจจุบันทั้ง 3 แบรนด์มีแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซบนหน้าเว็บไซต์ของตนเอง ร้านค้าทางการบน Tmall และโปรแกรมไลฟ์ขายของบน WeChat

ทำให้เครือ Inditex จะมี 4 แบรนด์ในจีนที่ยังมีร้านค้าแบบออฟไลน์อยู่ คือ Zara, Zara Home, Massimo Dutti และ Oysho

ตั้งแต่ปี 2020 บริษัท Inditex ทยอยปิดสาขาของทั้ง 3 แบรนด์ดังกล่าวรวมกว่า 120 แห่ง จนกระทั่งขณะนี้แต่ละแบรนด์มีสาขาเหลือแบรนด์ละประมาณ 10-12 สาขาเท่านั้น โดยมีเฉพาะในเมืองใหญ่ เช่น เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง เสิ่นเจิ้น

หน้าร้าน Pull&Bear ในเมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ภาพเมื่อเดือนธ.ค. 2018 (Photo : Shutterstock)

การปิดสาขาเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนปรับใหญ่ของ Inditex ที่ต้องการจะ “ทำให้เป็นดิจิทัล” ทั้งบริษัท โหมการค้าออนไลน์เพื่อรับมือกับผลของโรคระบาด COVID-19 เมื่อช่วงกลางปี 2020 บริษัทจึงประกาศเตรียมปิดสาขาแบรนด์ Zara ถึง 1,200 สาขาทั่วโลก และตั้งเป้าจะมีสัดส่วนการขายจากช่องทางออนไลน์ 25% ของยอดขายรวมภายในปี 2022

3 แบรนด์ย่อยดังกล่าวมีคาแร็กเตอร์ที่แตกต่างจาก Zara โดย Bershka วางกลุ่มเป้าหมายเป็นวัยรุ่นสไตล์คนเมือง Pull&Bear จำหน่ายเสื้อผ้าที่กำลังฮิตในกลุ่มวัยรุ่นอเมริกัน ขณะที่ Stradivarius เป็นเสื้อผ้าวัยรุ่นที่มีความคิดสร้างสรรค์ ทั้งหมดเข้าสู่ตลาดจีนมาแล้วหลายปี แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่ากับแบรนด์ Zara ด้วยสภาพตลาดจีนแข่งขันสูงและลูกค้ามีรสนิยมที่ละเอียดอ่อนมาก

ปัจจุบัน นับได้ว่าแบรนด์ต่างประเทศในกลุ่มฟาสต์แฟชั่นที่เข้าจีนแล้วติดตลาดจริงๆ มีเพียงแค่ Zara จากสเปน H&M จากสวีเดน และ Uniqlo จากญี่ปุ่น

Source: S&P Global Market Intelligence, Yicai Global