วิกฤตการเมืองสหรัฐฯ ยังไม่จบง่ายๆ หลังสภาคองเกรสให้การรับรอง “โจ ไบเดน” เป็นประธานาธิบดี แต่ยังเหลือขั้นตอนสุดท้ายคือ “พิธีสาบานตน” ในวันที่ 20 ม.ค. 2021 ซึ่งมีข่าวหนาหูว่ากลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์จะจัดบุกทำลายพิธี ขณะที่การดำเนินการทางกฎหมายยังไม่ชัดเจน ฝั่งสมาคมพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของสหรัฐฯ จึงเป็นโต้โผขอร้องทุกสายการบินร่วมจัดลิสต์ “บัญชีดำ” ผู้โดยสารที่ร่วมประท้วงเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2021 ไม่ให้ขึ้นเครื่อง โดยอ้างกฎความปลอดภัยทางการบิน
เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2021 ทั่วโลกตกอยู่ในอาการตื่นตะลึง เมื่อกลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์หลายพันคนบุกอาคารรัฐสภาในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เป้าหมายเพื่อหยุดยั้งไม่ให้สภาคองเกรสให้การรับรอง “โจ ไบเดน” เป็นประธานาธิบดีแทน “โดนัลด์ ทรัมป์” ที่แพ้การเลือกตั้ง การบุกสภาคองเกรสในวันนั้นไม่สำเร็จ แต่มีรายงานข่าวต่อมาว่ากลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์จะไม่หยุดแค่นี้
อ้างอิงจากแถลงการณ์ของ Twitter ซึ่งในที่สุดตัดสินใจแบนทรัมป์ออกจากแพลตฟอร์มอย่าง “ถาวร” ระบุว่า กลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์ตั้งเป้าจะก่อความรุนแรงขึ้นอีก
“แผนการประท้วงแบบติดอาวุธมีปรากฏอย่างแพร่หลายบน Twitter รวมถึงแผนการโจมตีอาคารรัฐสภาอีกครั้งในวันที่ 17 ม.ค. 2021 รวมถึงมีรายงานจำนวนมากว่ากลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์กลุ่มใหญ่กำลังวางแผนก่อความรุนแรงในวอชิงตัน ดี.ซี. ในวันที่ 20 ม.ค. 2021 ซึ่งเป็นวันทำพิธีสาบานตนขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดี” เหล่านี้คือข้อมูลตามแถลงการณ์ของ Twitter เพื่อเตือนถึงความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น
จากแผนการโจมตีของกลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์ทำให้ “ซาร่า เนลสัน” ประธาน สมาคมพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน (AFA) ในสหรัฐอเมริกา และเป็นผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครต-ต่อต้านทรัมป์อย่างชัดเจน ออกโรงกระทุ้งให้หน่วยงานด้านความปลอดภัยในการเดินทาง (TSA) และบรรดาสายการบิน เร่งหามาตรการป้องกันไม่ให้กลุ่ม “ผู้ก่อการร้ายในประเทศ” กลับไปที่วอชิงตัน ดี.ซี. อีกครั้ง
“เราสนับสนุนให้มีการปฏิบัติการโดยเร็วที่สุด เพื่อให้มีกฎที่ชัดเจนและลำดับการทำงานที่ชัดเจนในการป้องกันไม่ให้กลุ่มคนเหล่านี้ขึ้นเครื่อง” เนลสันกล่าว โดยสมาคม AFA นี้เป็นสหภาพแรงงานที่มีสมาชิกกว่า 5 หมื่นคนจาก 17 สายการบิน
ก่อนหน้านี้ “เบนนี ทอมป์สัน” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ดูแลงานในกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ออกมาเรียกร้องให้ใส่ชื่อกลุ่มคนที่ร่วมประท้วง ณ รัฐสภาสัปดาห์ก่อนเข้าไปใน ‘No-Fly List’ ของ TSA ซึ่งเป็นลิสต์บุคคลต้องห้ามขึ้นเครื่องเข้า ออก หรือภายในสหรัฐฯ เนื่องจากเป็นผู้ก่อการร้าย แต่คาดกันว่าจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ก่อนจะถึงพิธีสาบานตนรับรองให้ไบเดนเป็นประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ
ดังนั้น เนลสันจึงมองว่ากลุ่มสายการบินสามารถรวมตัวกันใช้วิธีการอื่นไปก่อน โดยแต่ละสายการบินควรทำบัญชีดำผู้โดยสารที่มีพฤติกรรมผิดกฎหมาย จากนั้นสายการบินสามารถระบุว่า “เราแบนผู้โดยสารดังต่อไปนี้ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย”
เธอยังขอให้แต่ละสายการบินนำบัญชีมาใช้ร่วมกันด้วย เพราะแม้ว่าปกติสายการบินจะประสานงานกันไม่ได้เนื่องจากเป็นการแข่งขันทางธุรกิจ แต่เหตุผลครั้งนี้คือการประสานงานด้านความปลอดภัย สำหรับการแบนไม่จำเป็นต้องทำตลอดไป แต่สามารถแจ้งแบนผู้โดยสารเฉพาะบางสนามบินหรือบางช่วงเวลาก็ได้
“ปกติแล้วนี่ไม่ใช่สิ่งที่สายการบินจะลุกขึ้นมาทำเอง แต่ขณะนี้ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ” เนลสันกล่าว “อย่างน้อยรายชื่อบุคคลเหล่านี้ควรจะต้องถูกแยกมาประเมินความเสี่ยงเชิงพฤติกรรมในสนามบิน ตามหลักเกณฑ์ที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติปกติ เพื่อประเมินว่าคนเหล่านี้จะเป็นความเสี่ยงบนไฟลต์บินหรือไม่”
ความรุนแรงจากกลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์ ที่จริงแล้วไม่ใช่เรื่องที่คาดไม่ถึง เพราะรอบหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า “ผู้ก่อการร้ายในประเทศ” คือภัยคุกคามที่สำคัญต่อประเทศชาติ และเมื่อ 3 เดือนก่อน กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิเพิ่งจะออกรายงานประจำปีรายงานว่าความรุนแรงจากกลุ่ม “ลัทธิความเหนือกว่าของคนผิวขาว” (White Supremacy) จะเป็น “ภัยที่ถึงแก่ชีวิตและต่อเนื่องยาวนานมากที่สุดภายในประเทศ”
อย่างไรก็ตาม ปกติแล้ว No-Fly List มักจะเกี่ยวข้องกับผู้ก่อการร้ายต่างประเทศ จากรายงานเมื่อปี 2016 พบว่ามีบุคคลห้ามขึ้นเครื่องในสหรัฐฯ 8.1 หมื่นรายชื่อ โดยมีคนอเมริกันอยู่ในรายชื่อนั้นแค่ 1 พันคน หรือราว 1% กว่าเท่านั้น และยิ่งกลุ่มผู้ประท้วงเมื่อสัปดาห์ก่อนไม่ได้ถูกจับในข้อหาก่อการร้าย แต่เป็นข้อหาประเภทครอบครองอาวุธปืนผิดกฎหมายหรือบุกรุกสถานที่ ทำให้การใส่ชื่อไปในลิสต์ที่เกี่ยวกับผู้ก่อการร้ายเป็นเรื่องยาก
“เราในฐานะผู้อยู่ในอุตสาหกรรมการบิน มีบทบาทที่สำคัญยิ่งในการรักษาความปลอดภัยให้ประเทศชาติ สายการบินร่วมกับหน่วยงานรัฐและผู้บังคับใช้กฎหมายต้องใช้ทุกขั้นตอนให้มั่นใจว่า ความปลอดภัยของผู้โดยสารและลูกเรือต้องมาก่อน โดยปัญหาทั้งหมดจะต้องถูกทิ้งไว้บนพื้นดิน” เป็นเนื้อความในแถลงการณ์ของ AFA “การกระทำที่ต่อต้านประชาธิปไตยของเรา รัฐบาลของเรา และเสรีภาพที่เรามีในฐานะอเมริกันชน ต้องถูกนำมาเป็นข้อกำหนดมิให้บุคคลเหล่านี้มีอิสระในการโดยสารไฟลต์บิน”