หลังเป็นประเทศเเรกที่ติด COVID-19 เเละฟื้นตัวได้ก่อนใคร ทำให้ ’จีน’ เบียดยักษ์ใหญ่อย่าง ‘สหรัฐฯ’ ขึ้นเเท่นประเทศที่ต่างชาติแห่ลงทุน FDI มากที่สุดในปี 2020
การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) เปิดเผยรายงานเกี่ยวกับการลงทุนโลกประจำปี 2020 พบประเด็นที่น่าสนใจคือ ประเทศจีนมีเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) ‘ไหลเข้า’ กว่า 1.63 เเสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มสูงขึ้น 4%
โค่นเเชมป์เก่าที่ยังมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอย่าง ‘สหรัฐฯ’ ซึ่งมี FDI ประมาณ 1.34 เเสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวหนักถึง 49%
หากเทียบกับปี 2019 ก่อนเกิดวิกฤตโรคระบาด พบว่า สหรัฐฯ เคยมีเม็ดเงินลงทุนต่างชาติสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งที่ 2.51 เเสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนจีนตามมาเป็นที่สองที่ 1.40 เเสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ เเม้จีนจะขึ้นเป็นเเชมป์ ‘แหล่งลงทุน FDI ’ จากต่างประเทศมากที่สุดในปี 2020 เเต่หากดูภาพรวมทั้งอดีตถึงปัจจุบันเป็นต้นมา สหรัฐฯ ยังคงเป็นอันดับหนึ่งในการลงทุนจากต่างประเทศทั้งหมด
จากสถานการณ์ COVID-19 ที่สะเทือนหลายประเทศ ทำให้ FDI ของทั่วโลกในปี 2020 ทั่วโลก หดตัวถึง 42% มาอยู่ที่ 8.59 เเสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพราะนานาชาติต่างระงับหรือชะลอการลงทุน
UNCTAD พบว่า เหล่าประเทศพัฒนาแล้วได้รับผลกระทบรุนแรงจากวิกฤตนี้มากกว่าปีก่อนหน้า และรับผลกระทบหนักกว่ากลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ที่ปรับตัวลดลงที่ 12%
สำหรับปัจจัยที่ต่างชาติเลือกที่จะเข้ามาลงทุนในจีนมากขึ้น ในปี 2020 หลักๆ มาจากมาตรการควบคุมโรคระบาดที่เข้มงวดเเละได้ผลเร็ว เมื่อเทียบกับชาติมหาอำนาจอื่นๆ อย่างสหรัฐฯ เเละสหภาพยุโรป เศรษฐกิจจีนถือว่าฟื้นตัวได้เร็วกว่ามาก
นอกจากนี้ เม็ดเงินลงทุน FDI มักจะมาพร้อมกับการเปิดโรงงานใหม่เเละการเข้าซื้อกิจการท้องถิ่น ซึ่งจีนก็ได้รับความสนใจจากบริษัทใหญ่ฝั่งตะวันตกมากขึ้น โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของจีนในปี 2020 เติบโตได้ถึง 2.3%
อย่างไรก็ตาม IMF ปรับลดคาดการณ์การเติบโต ‘เศรษฐกิจจีน’ ในปี 2021 เหลือ 7.9% จากที่เคยประเมินไว้ที่ 8.2% เเม้จีนจะเป็นประเทศมหาอำนาจประเทศเดียวที่ยังเติบโตเป็น ‘บวก’ ได้ ท่ามกลางโรคระบาด COVID-19 เเต่ก็เป็นการเติบโตที่ยังไม่สมดุล