OR เข้าซื้อหุ้น ‘โอ้กะจู๋’ 20% มูลค่าไม่เกิน 500 ล้านบาท เตรียมขยายสาขาผ่านปั๊มน้ำมัน ‘PTT Station’ พร้อมขายอาหารแบบ Grab & Go ผ่านร้าน Café Amazon
บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เริ่มขยับหารายได้ใหม่ หลังเข้าระดมทุน IPO ตลาดหุ้นไทยสำเร็จ ล่าสุดตัดสินใจเข้าไปลงทุนในร้านอาหารเพื่อสุขภาพชื่อดังจากเชียงใหม่อย่าง ‘โอ้กะจู๋’ ของบริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด ผ่านการลงทุนระหว่างบริษัท มอดูลัส เวนเจอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ OR
OR ใช้กลยุทธ์มุ่งเน้นการเติบโตจากภายนอก (Inorganic Growth) เพื่อเพิ่มผลกำไรในระยะยาว เน้นการดำเนินธุรกิจในรูปแบบการร่วมทุนกับบริษัทที่มีศักยภาพ และได้แสวงหาโอกาสและช่องทางในการพัฒนาธุรกิจค้าปลีกในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage : F&B)
โดยมองว่า ‘โอ้กะจู๋’ มีจุดเด่นในเรื่องความสดใหม่ของผักที่ปลูกด้วยระบบเกษตรอินทรีย์ และส่งตรงจากฟาร์มผักขนาดใหญ่ที่จังหวัดเชียงใหม่ อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs เเละขยายส่วนธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่นๆ (Non-Oil) ไปพร้อมๆ กัน
OR จะเข้าลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 20 หรือมีมูลค่า ไม่เกิน 500 ล้านบาท ตั้งเป้าขยายสาขาร้านโอ้กะจู๋เพิ่มเติมในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station รวมถึงการจำหน่ายอาหารแบบ Grab & Go ผ่านร้าน Café Amazon ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และภาคเหนือ
ทั้งนี้ สถานีบริการน้ำมัน PTT Station ซึ่งมีจำนวนกว่า 1,900 สาขาทั่วประเทศ และร้าน Café Amazon ซึ่งมีจำนวนสาขาถึงกว่า 3,000 สาขา
ถือเป็นการเพิ่มความหลากหลาย และเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ซึ่งมีไลฟ์สไตล์ที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพ รวมถึงมีวิถีชีวิตที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ และหันมาเลือกซื้ออาหารที่ปรุงสำเร็จพร้อมรับประทานหรืออาหารสำเร็จรูปเพื่อนำกลับไปรับประทานที่อื่น แทนที่นั่งรับประทานอาหารในร้านมากขึ้น
‘โอ้กะจู๋’ เริ่มจากธุรกิจปลูกผักสวนครัว ในปี 2553 จากนั้นจึงได้ขยายมาสู่ธุรกิจร้านอาหารในปี 2556 เริ่มต้นจากการปลูกผักในฟาร์มของตนเองที่และส่งตรงถึงหน้าร้านเพื่อรักษาคุณภาพและความสดใหม่ มีสาขาแรกอยู่ที่ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นในปี 2560 จึงเริ่มขยายสาขามายังกรุงเทพฯ ที่สยามสแควร์ ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างมาก
ปัจจุบันมีจำนวนสาขารวมทั้งสิ้น 14 สาขา ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้นำร้านอาหารเพื่อสุขภาพของไทย โดยปี 2562 ‘โอ้กะจู๋’ มีรายได้ประมาณ 643 ล้านบาท ทำกำไร 79 ล้านบาท
สำหรับเงินทุนที่ได้รับในครั้งนี้ บริษัทจะนำไปใช้เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ อาทิ การนำเทคโนโลยี Smart Farm มาใช้เพื่อทำให้ได้ผลผลิตที่สม่ำเสมอและมีคุณภาพ รวมถึงการสร้างครัวกลางที่จังหวัดเชียงใหม่ การสร้างศูนย์กระจายสินค้าเพื่อรองรับการขยายสาขาไปยังภูมิภาคต่างๆ
ในส่วนของการส่งเสริมและพัฒนาชุมชนนั้น ทางบริษัทมีโครงการที่จะทำศูนย์การเรียนรู้การปลูกผักแบบวิถีเกษตรอินทรีย์ ให้แก่นักเรียน นักศึกษา และผู้ที่สนใจ รวมถึงมีแผนการที่จะช่วยเหลือเกษตรกรโดยเป็นตัวกลางที่เชื่อมระหว่างเกษตรกรที่ไม่มีช่องทางขายกับผู้บริโภคที่ต้องการผักอินทรีย์ ผ่านทางแอปพลิเคชันที่อยู่ระหว่างการพัฒนา