เก็บที่ดินเล็กพัฒนา “บ้านไฮเอนด์กลางเมือง” แผนรับมือปี 2564 ของ “อัลติจูด”

ยังเป็นอีกปีซึมๆ ของตลาดอสังหาฯ “อัลติจูด” จัดสรรรายกลางเลือกขึ้นโครงการ “บ้านไฮเอนด์กลางเมือง” บนที่ดินขนาดเล็ก ยูนิตน้อย เปิดภายใต้แบรนด์ใหม่ “อัลติจูด ฟอเรสต์” 2 ทำเล อนุสาวรีย์ชัยฯ และ รัชดา เลื่อนแผน IPO เป็นปีหน้า หลังตลาดไม่เอื้อ คาดอสังหาฯ ปีนี้โตไม่ถึง 10%

“ชยพล หรรรุ่งโรจน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยถึงแผนของบริษัทปี 2564 เตรียมเปิดตัวเพิ่ม 2 โครงการ และเป็นแบรนด์ใหม่คือ “อัลติจูด ฟอเรสต์ อารีย์-โมนูเมนต์” (ทำเลอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ) และ “อัลติจูด ฟอเรสต์ รัชดา” มูลค่ารวม 2 โครงการ 998 ล้านบาท

คอนเซ็ปต์แบรนด์ฟอเรสต์จะเป็นโครงการแนวราบในทำเลกลางเมือง ขนาดเริ่มต้น 4 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 200-300 ตร.ม. จำนวนยูนิตไม่มาก เพราะเป็นการจับช่องว่างตลาด หาที่ดินขนาดไม่ใหญ่ในทำเลที่ผู้พัฒนาอสังหาฯ รายใหญ่มักขึ้นโครงการคอนโดมิเนียมมากกว่า แต่ที่จริงแล้ว ตลาดยังมีดีมานด์บ้านแนวราบในทำเลกลางเมือง หากทำโครงการไซส์เล็กยังมีโอกาสขายได้และปิดโครงการเร็ว

โดยบริษัทเคยมีประสบการณ์มาแล้วจากการทำแบรนด์อัลติจูด มาสเตอร์รี บ้านเดี่ยวโครงการขนาดเล็กในเมือง แต่ครั้งนี้จะปรับขนาดบ้านให้เล็กลง และเน้นที่ความร่มรื่นของโครงการ

อัลติจูด ฟอเรสต์ อารีย์-โมนูเมนต์ จะเป็นบ้านเดี่ยว จำนวน 10 ยูนิต ราคาเริ่ม 28 ล้านบาท ส่วนอัลติจูด ฟอเรสต์ รัชดา เป็นทาวน์โฮม จำนวน 39 ยูนิต ราคาเริ่ม 15 ล้านบาท

ส่วนการเปิดตัวคอนโดฯ ที่อัลติจูดมักจะมีออกมาเสมอๆ ปีนี้จะไม่มีการขึ้นโครงการคอนโดฯ ใหม่ เพราะตลาดยังไม่ใช่จังหวะเหมาะ แต่มีที่ดินเตรียมไว้รอดูสถานการณ์ปี 2565 อาจเปิดตัวได้

คราฟ บางนา โครงการทาวน์โฮม ราคาเริ่ม 3 ล้านกว่าบาท อัลติจูดเปิดตัวจับตลาดกลางเมื่อปลายปีก่อน

ด้านแบ็กล็อกสร้างเสร็จเตรียมโอนปีนี้ของอัลติจูดมีทั้งหมด 5 โครงการ เป้ารับรู้รายได้ 2,015 ล้านบาท ได้แก่ คอนโดฯ อัลติจูด ยูนิคอร์น สาทร-ท่าพระ (ยอดขาย 60%), คอนโดฯ อัลติจูด ซิมโฟนี เจริญกรุง (ยอดขาย 60%), โฮมออฟฟิศ อัลติจูด พรูฟ สาทร, บ้านเดี่ยว อัลติจูด มาสเตอรี่ สุขุมวิท และทาวน์โฮม คราฟ บางนา

 

เลื่อนแผน IPO ตลาดไม่เอื้อ

ประเด็นความเคลื่อนไหวด้านการเข้าตลาดหุ้นของอัลติจูด “ขวัญชัย เจริญยิ่งถาวรชัย” กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่ามีการเลื่อน IPO จากเดิมภายในปี 2564 เป็นปี 2565 เพราะสภาวะทั้งตลาดอสังหาฯ และตลาดหุ้นไม่เอื้ออำนวย แต่บริษัทมีการปรับจากเดิมจะเข้าตลาด mai เป็นตลาด SET

“สถานการณ์ตลาดตอนแรกเราคิดว่าปี 2564 จะต้องโตกว่าปี 2563 มาก แต่มาพลิกล็อกจากการระบาดรอบ 3 เรามองว่าจะทำให้ทั้งปีโตไม่ถึงสองดิจิต คือโตไม่ถึง 10% ยกเว้นว่าถ้ารัฐบาลผลักดันเรื่องปลดล็อกให้ชาวต่างชาติซื้อบ้านพร้อมที่ดินได้จริง ก็อาจจะทำให้ตลาดโตได้มากกว่านั้น” ขวัญชัยกล่าว

ผู้บริหาร บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด : “ชยพล หรรรุ่งโรจน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ “ขวัญชัย เจริญยิ่งถาวรชัย” กรรมการผู้จัดการ

ทั้งนี้ อัลติจูดสร้างยอดขายไตรมาส 1/64 ไปทั้งหมด 200 ล้านบาท ถือว่าเป็นไปตามเป้า แต่ไตรมาส 2/64 ซึ่งมีปัญหาการแพร่ระบาดของ COVID-19 แล้ว ยอมรับว่าทำให้ตกเป้าไป

 

ธุรกิจ “Turnkey” ยังเป็นที่สนใจ

สำหรับโครงการอัลติจูด ฟอเรสต์ รัชดาที่จะเปิดตัวปีนี้ เป็นหนึ่งใน โมเดลธุรกิจ Turnkey ตามที่บริษัทเปิดตัวเมื่อปีก่อน นั่นคือโมเดลรับจ้างบริหารโครงการตั้งแต่ต้นจนจบ และใช้แบรนด์ของบริษัท แต่ที่ดินและเงินทุนเป็นของลูกค้า เหมาะกับแลนด์ลอร์ดที่มีที่ดินในมือ แต่ไม่มีองค์ความรู้หรือไม่มีเวลาพัฒนาโครงการ

ชยพลมองว่า ในสถานการณ์เศรษฐกิจแบบนี้ยิ่งเป็นประโยชน์กับบริษัท เพราะนักสะสมที่ดินที่ต้องการจะพัฒนาโครงการเอง เป็นหน้าใหม่ในวงการ มักจะกู้สินเชื่อธุรกิจจากธนาคารได้ยากในสภาวะนี้ แต่เมื่อร่วมธุรกิจกับบริษัท จะทำให้ขอสินเชื่อง่ายขึ้น เนื่องจากโครงการเปิดในแบรนด์ของบริษัทที่มีฐานตลาดอยู่บ้างแล้ว

ปัจจุบันอัลติจูดรับพัฒนาโครงการแบบ Turnkey ใน 6 เซ็กเมนต์สินค้า ได้แก่ คอนโดฯ ระดับกลาง, คอนโดฯ ระดับลักชัวรี, โฮมออฟฟิศกลางเมือง, บ้านระดับลักชัวรี 30 ล้านบาทขึ้นไป, บ้านระดับพรีเมียม 20-30 ล้านบาท และทาวน์โฮมราคาประมาณ 3 ล้านบาท โดยมูลค่าโครงการที่รับพิจารณาคือ 300 ล้านบาทขึ้นไป (มูลค่าที่ดินประมาณ 60 ล้านบาทขึ้นไป)