สหรัฐฯ รายงานยอดผู้ติดเชื้อเฉลี่ย 7 วันต่ำกว่า 30,000 เคสต่อวันเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 1 ปี จากการระดมฉีดวัคซีนให้ประชากร โดยมีประชากรกว่า 48% ที่ได้รับวัคซีนเข็มแรกแล้ว ปัจจุบันสหรัฐฯ ยังคงเดินหน้าฉีดวัคซีนเฉลี่ยวันละ 1.8 ล้านโดส
ข้อมูลจาก มหาวิทยาลัย Johns Hopkins ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาในสหรัฐฯ เฉลี่ย 7 วัน (14-20 พฤษภาคม 2021) ลงมาอยู่ที่ 29,100 เคสต่อวัน เป็นครั้งแรกที่ยอดเฉลี่ยในสัปดาห์ลงมาต่ำกว่า 30,000 เคสต่อวัน นับตั้งแต่วันที่ 22 มิถุนายน 2020 หรือเกือบ 1 ปีที่แล้ว
สำนักข่าว CNBC ประมวลข้อมูลจาก John Hopkins พบว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันสัปดาห์นี้ลดลงถึง 18% จากสัปดาห์ก่อน โดยมี 40 รัฐที่จำนวนผู้ติดเชื้อลดลงไม่ต่ำกว่า 5% ในช่วงสัปดาห์นี้
ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตสัปดาห์นี้ก็ลดลงเช่นกัน ลงมาเหลือเฉลี่ย 552 รายต่อวัน เป็นอัตราที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีก่อน
ผลสำเร็จเกิดจากการระดมฉีดวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ซึ่งสหรัฐฯ มีอัตราการฉีด 1.8 ล้านโดสต่อวัน มีประชากรรับวัคซีนอย่างน้อย 1 โดสไปแล้วคิดเป็น 48% ของประชากรทั้งหมด และประชากรที่รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้วคิดเป็น 38% ของประชากรทั้งหมด (ทั้งนี้ ถ้านับเฉพาะประชากรวัย 18 ปีขึ้นไป จะมีประชากรรับวัคซีนแล้ว 60.5%)
สหรัฐอเมริกาเคยเป็นประเทศที่เผชิญการระบาดของ COVID-19 รุนแรงที่สุดประเทศหนึ่ง โดยเคยมียอดผู้ติดเชื้อสูงสุดช่วงเดือนธันวาคม 2020 ถึงมกราคม 2021 ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นวันละมากกว่า 2 แสนคน และมีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 3,000 คนต่อวัน หลายเมืองเกิดหายนะทางสาธารณสุข เช่น นิวยอร์ก แต่สถานการณ์ค่อยๆ ดีขึ้นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2021 เป็นต้นมา
แผนการขั้นต่อไปของสหรัฐฯ คือจะเริ่มนำวัคซีน Pfizer และ BioNTech ฉีดให้กับเด็กวัย 12-15 ปี จากก่อนหน้านี้จะเน้นที่ผู้ใหญ่จนถึงวัยชราก่อน โดยสหรัฐฯ วางเป้าจะฉีดวัคซีนให้ครบ 70% ของประชากรภายในวันที่ 4 กรกฎาคมนี้ เพื่อฉลองวันชาติสหรัฐอเมริกา