2 โครงการอย่าง ”สุพรีม คอมเพล็กซ์” ของกลุ่ม ”สุพรีม สามเสน” และ ”นครธน พลาซ่า” ของกลุ่มเอส.ที.ธรรมพร มาในโมเดลที่คล้ายกันที่ต้องการความมั่นใจว่าจะมีลูกค้ากลุ่มหนึ่งมาใช้บริการในไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์แน่นอน ดังนั้นนอกจากลงทุนรีเทลช็อปแล้ว ยังมีเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์อยู่ในโครงการด้วย
“สุพรีม คอมเพล็กซ์” อยู่ในย่านถนนสามเสน เป็นโครงการของเจ้าของธุรกิจเครื่องดื่มบำรุงสุขภาพ “สก๊อต” ที่แตกไลน์ธุรกิจมาสู่ธุรกิจไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์ ด้วยการนำที่ดินที่มีอยู่เดิมมาพัฒนา พร้อมกับดึงมืออาชีพที่มีประสบการณ์พัฒนาที่ดินและค้าปลีก 20 คน และหนึ่งในนั้นมาจากเครือเซ็นทรัลพัฒนานานกว่า 10 ปี คือ “พิพัฒน์ ตันติศรีเจริญกุล” มาเป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัท
”สมโภช ชวาลเวชกุล” กรรมการผู้จัดการ กับบริษัท ”สุพรีม คอมเพล็กซ์” มองว่าความคึกคักโดยรอบพื้นที่อาจยังไม่เพียงพอถึง ภายใน ”สุพรีม คอมเพล็กซ์” จึงต้องมีออฟฟิศให้เช่า และเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ นอกเหนือจากมีไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์ที่ดีไซน์ต่างจากที่อื่นที่เป็นอาคารปิด รวมทั้งโครงการสูง 16 ชั้น ใช้พื้นที่ตั้งแต่ชั้น G ถึงชั้น 5 เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ ในคอนเซ็ปต์ The Inspire Life of Your Style พื้นที่ 8,000 ตารางเมตร มีท็อปซูเปอร์มาร์เก็ต และโรงหนังเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ นอกเหนือจากร้านอาหารอื่นๆ เช่น แมคโดนัลด์ ฟูจิ แบล็คแคนยอน สตาร์บัคส์ เรด แมงโก ฯลฯ รองลงมายังมีร้านประเภทบิวตี้ สปา คาดว่ากลุ่มเป้าหมายเด็กนักเรียน และผู้ปกครองจะใช้จ่ายคนละ 500 บาทต่อครั้ง ส่วนคนทำงานไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท
สำหรับโซนออฟฟิศอยู่ชั้น 7-12 พื้นที่ 4,000 ตารางเมตร คิดค่าเช่าเฉลี่ยตารางเมตรละ 1,000 บาท และชั้น 13-16 เป็นเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ พื้นที่ 5,000ตารางเมตร ขนาด27ห้อง เจาะริช มาร์เก็ต เช่น กลุ่มนักธุรกิจ ข้าราชการ และกลุ่มผู้พักอาศัยในพื้นที่บริเวณใกล้เคียง เพื่อใช้ในการพักผ่อน เป็นคลับเฮาส์ส่วนตัว ด้วยอัตราค่าเช่าห้องละ 15,000 บาทต่อเดือน
ทั้งหมดอยู่บนพื้นที่ 6 ไร่ กับงบลงทุน 1,200 ล้านบาท เปิดให้บริการตั้งแต่เดือนกันยายน 2553 โดยคาดว่าจะมีลูกค้าหมุนเวียนต่อวัน 25,000 คน และปีแรกทำรายได้ 150 ล้านบาท
มาที่อีกมุมหนึ่งของชานเมืองกรุงเทพฯ ในย่านถนนพระราม 2 เจ้าของโรงพยาบาลนครธน และผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่บ้านเดี่ยวจนถึงถึงอาคารพาณิชย์ ภายใต้ชื่อบริษัท ”เอส.ที.ธรรมพร” ก็กำลังเดินหน้าเต็มที่กับไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์แห่งแรกในย่านนั้นที่แทรกตัวจากห้างสรรพสินค้าเกือบทุกแบรนด์ที่มีอยู่แล้วในย่านนั้น 8 แห่งในรัศมีระยะทาง 8 กิโลเมตร โดยทายาทในวัย 30 ต้นๆ อย่าง ”เพ็ญศิริ ทองสิมา” ที่เธอเติบโตในย่านนี้พร้อมกับเห็นความเปลี่ยนแปลงของที่ดินและผู้อยู่อาศัยในย่านพระราม 2 ที่มีกลุ่มคนกำลังซื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากหมู่บ้านที่มีคนรุ่นใหม่มาอยู่เพิ่มขึ้น และสำนักงานที่เติบโต โดยเฉพาะนักธุรกิจต่างชาติในย่านดังกล่าว
ที่ดินในบริเวณเดียวกับโรงพยาบาลนครธนที่คุณปู่ของเธอได้ซื้อไว้นานแล้ว กับไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์คือโปรเจกต์ที่เธอมองว่าเหมาะสมที่จะลงทุน แม้จะต้องโน้มน้าวครอบครัวที่มองว่าธุรกิจนี้เป็นโครงการที่จับต้องมองเห็นยาก เหมือนกับอยู่ในหมอกควันหรือเปล่า
ความมั่นใจของเธอ มาจากการมองเห็นเทรนด์ที่คนรุ่นใหม่มีเวลาน้อย ชีวิตเร่งรีบ อยากพักผ่อนละแวกใกล้บ้าน และเพื่อการทำธุรกิจอย่างระมัดระวังจึงมีที่ปรึกษาอย่างดีเป็นมืออาชีพชาวต่างชาติที่เคยเป็นเพื่อนร่วมงานเมื่อครั้งทำงานในต่างประเทศที่บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินและควบรวมกิจการมาก่อน
ผลสำรวจพฤติกรรมของลูกค้าและกำลังซื้อ ทำให้ไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์ของ ”นครธน พลาซ่า” ยอมทุ่มงบลงทุน 500 ล้านบาท โดยกู้เพียงประมาณ 50% ก่อสร้างบนพื้นที่ 4 ไร่ ด้วยดีไซน์แบบโมเดิร์น มีส่วนจัดกิจกรรมนอกอาคาร และพื้นที่ในอาคาร เน้นกลุ่มไฮเอนด์ตั้งแต่ระดับ B ขึ้นไป โดยมีร้านค้าปลีก ร้านอาหารรวม 5,000 ตารางเมตร โดยเน้นร้านที่คนรุ่นใหม่ชื่นชอบ และต่างจากร้านในห้างสรรพสินค้าในย่านนั้น รวมถึงยังมี Pool Bar บนชั้น 9 และมีเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์อีก 19,000 ตารางเมตร 65 ยูนิต เป็นพรีเมียมราคาห้องละ 30,000 บาท และอีก 75 ยูนิต ราคา 8,000 บาท รองรับลูกค้าต่างชาติ และกลุ่มที่มาใช้บริการโรงพยาบาลนครธน
ในส่วนพื้นที่ค้าปลีกจะมีร้านค้าและบริการใน 4 กลุ่มคือสุขภาพความงาม จะมีบริการร้านค้าที่โดดเด่นคือ ฟิตเนสเซ็นเตอร์ กลุ่มร้านอาหาร กลุ่มเรียนรู้และเด็ก และกลุ่มร้านบริการสิ่งอำนวยความสะดวก
“โจนาธาน บาสซาจ ชวิมเมอร์” ผู้ดูแลรับผิดชอบโครงการ บอกว่า คาดว่าลูกค้ากลุ่มเป้าหมายจะใช้จ่ายประมาณ 300 บาทต่อครั้ง มา 1-3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยคาดว่าจะคืนทุนภายใน 10 ปี หลังเปิดบริการต้นปี 2554 และสร้างงานให้อย่างน้อย 400-500 คน
สิ่งที่ ”เพ็ญศิริ” ยืนยันคือ นี่คือธุรกิจใหม่สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่ไม่ใช่แค่แฟนชั่นที่ใครๆ ก็ลงทุนไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์ แต่หากคิดคอนเซ็ปต์และสร้างความต่าง โอกาสเกิดก็ไม่เกินเป้าหมาย
- พื้นที่พระราม 2 จากทางด่วนถึงวงแหวน ระยะทาง 8 กิโลเมตร
- มีโรงพยาบาล 4 แห่ง
- ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ 4 แห่ง (เซ็นทรัล บิ๊กซี โลตัส คาร์ฟูร์)
- เซ็นทรัลพระราม 2 มีลูกค้าเฉลี่ยวันละ 155,000 คน
- โรงพยาบาลนครธนมีคนเข้าออกวันละประมาณ 10,000 คน
- หมู่บ้านกือบทุกแบรนด์ เช่น แสนสิริ นุสาสิริ กลุ่มเอพี
- โรงงาน สำนักงานกว่า 100 แห่ง
- โรงเรียน 30 แห่ง
- กลุ่มเป้าหมายในย่านพระราม 2
- 33% มีเงินเดือนมากกว่า 30,000 บาท
- 47% ทานอาหารนอกบ้านมากกว่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์
- 55% ใช้จ่ายมากกว่า 300 บาทต่อครั้งในการรับประทานอาหารนอกบ้าน
- อันดับ 1 ทานอาหาร และดูหนัง คือกิจกรรมแรกที่กลุ่มเป้าหมายอยากทำเมื่อมีเวลาว่าง
- อันดับ 2 ไปร้านกาแฟ
- มีประมาณ 10% บอกว่าจะไปฟิตเนส