“นอติลุส Xten” แตกไลน์ “โอ๊ตมีล” แซลมอน รุกตลาด “อาหารสุขภาพ” จับเทรนด์คนรุ่นใหม่

“พัทยาฟู้ด กรุ๊ป” แตกแบรนด์ใหม่ “นอติลุส Xten” อาหารพร้อมทานแบบ “โอ๊ตมีล” ผสมเนื้อสัตว์-ผลไม้ ลุยตลาดอาหารสุขภาพจับกระแสคนรุ่นใหม่ ตั้งเป้า 10 ล้านถ้วยใน 3 ปี รวมทั้งตลาดไทยและส่งออกในเอเชีย

“สุดาทิพ เกียรติศรีชาติ” กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท พัทยาฟู้ด กรุ๊ป จำกัด เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัท “นอติลุส Xten” อาหารพร้อมทานที่ผลิตจากซูเปอร์ฟู้ด เช่น ข้าวโอ๊ต ข้าวกล้อง มัลติเกรน ผสมกับเนื้อสัตว์จริงหรือผลไม้แท้ ลดโซเดียม ลดน้ำตาล ไม่ใส่ผงชูรส ชงด้วยน้ำร้อน 2 นาที พร้อมรับประทานได้ เหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น แต่ต้องการความสะดวก ประหยัดเวลาด้วย

โดยสินค้าใหม่ นอติลุส Xten จะจำหน่าย 4 สูตร คือ Wild Red Salmon (แซลมอน), Triple Mushroom (เห็ด), Dark Choc & Almonds (ช็อกโกแลตและอัลมอนด์) และ Mixed Berries (มิกซ์เบอร์รีส์) กลุ่มอาหารคาวจำหน่ายราคา 45 บาท อาหารหวานราคา 35 บาท

เบื้องต้นวางจำหน่ายในซูเปอร์มาร์เก็ต เช่น ท็อปส์, กูร์เมต์ มาร์เก็ต, วิลล่า มาร์เก็ท, เลมอน ฟาร์ม ฯลฯ และช่องทางออนไลน์ เช่น ช้อปปี้, ลาซาด้า คาดว่าปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้าจะสามารถวางขายในร้านสะดวกซื้อและไฮเปอร์มาร์เก็ตได้

 

ตั้งเป้า 10 ล้านถ้วย

สุดาทิพระบุว่า การรุกตลาดอาหารสุขภาพเกิดจากการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของเครือ ต้องการเปิดตลาดอาหารอื่นๆ นอกจากอาหารทะเลและปลากระป๋อง ทำให้เมื่อปี 2563 บริษัทเปิดแบรนด์ร้านอาหาร “ม่อนชะเมา” ขึ้นมาจับตลาดอาหารสุขภาพ โดยเลือกตลาดนี้เพราะเป็นเทรนด์อนาคต

ต่อยอดมาถึงปี 2564 นี้จึงมีแบรนด์ นอติลุส Xten ออกมา คาดหวังยอดขาย 10 ล้านถ้วยภายใน 3 ปี โดยไม่ได้มองเฉพาะตลาดไทย แต่กำลังเจรจาวางขายในต่างประเทศ เช่น จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ซึ่งมีวัฒนธรรมการทานอาหารคล้ายกัน

“สุดาทิพ เกียรติศรีชาติ” กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท พัทยาฟู้ด กรุ๊ป จำกัด

Positioning สำรวจตลาดพบว่า ผลิตภัณฑ์กลุ่มโอ๊ตมีลหรือโจ๊กธัญพืชแบบสำเร็จ ใส่น้ำร้อนชงพร้อมทาน มีแบรนด์ในตลาดอยู่บ้างแล้ว เช่น ไดมอนด์เกรน จำหน่ายราคา 32 บาท เกรนเน่ย์ จำหน่ายราคา 20 บาท เห็นได้ว่านอติลุสจะจับตลาดที่พรีเมียมมากขึ้น

 

ปีนี้คนเลิก “กักตุน” เครื่องกระป๋อง

กลุ่มพัทยาฟู้ด กรุ๊ปนั้นก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2514 ผลิตและส่งออกอาหารทะเลหลายชนิด โดยมีแบรนด์ปลากระป๋องของตนเองคือ นอติลุส, ซีคราวน์ และ มงกุฎทะเล รวมถึงอาหารสัตว์เลี้ยงแบรนด์ รีกาลอส

สุดาทิพเปิดเผยว่า ปี 2564 กลุ่มบริษัทน่าจะทำรายได้ประมาณ 8,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 5% โดยแบ่งสัดส่วนรายได้จากการรับจ้างผลิต 80% และมาจากแบรนด์ตนเอง (own brand) 20% คาดว่าในอนาคต อาหารสุขภาพซึ่งเป็นสินค้าใหม่จะทำรายได้สัดส่วน 30% ในกลุ่มธุรกิจ own brand

ผลิตภัณฑ์แบรนด์นอติลุส

สำหรับตลาดอาหารกระป๋องในไทยปีนี้ สุดาทิพกล่าวว่ายอดขายมีผลกระทบเล็กน้อยช่วงต้นปีจากเหตุการณ์การระบาด แต่หลังจากนั้นปรับตัวดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันถือว่าทรงตัว ไม่เติบโต เพราะปีนี้แม้ว่าจะมีการระบาดซ้ำอีกแต่พฤติกรรมผู้บริโภคไม่เหมือนปี 2563 ไม่มีการกักตุนสินค้า อาจเกิดจากผู้บริโภคหันไปใช้บริการฟู้ดเดลิเวอรี่มากขึ้น และบางส่วนระมัดระวังการใช้เงิน จึงไม่กักตุนอาหาร