หลังไวรัสกลายพันธุ์เดลตาระบาดหนักขึ้นในสหรัฐฯ ทำให้ “ร้านอาหาร-บาร์” จำนวนมากทยอยออกกฎของร้าน หากลูกค้า “ไม่ฉีดวัคซีน งดให้บริการ” ก่อกระแสทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย บางร้านถึงกับได้รับคำข่มขู่จากกลุ่ม “ต่อต้านวัคซีน”
ข้อมูลจาก Worldometers ระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ของสหรัฐอเมริกาพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากช่วงเดือนมิถุนายน 2021 มีไม่ถึง 20,000 คนต่อวัน กลับไต่ระดับขึ้นจนล่าสุดวันที่ 3 สิงหาคม 2021 ทะลุ 100,000 คนต่อวันไปแล้ว เนื่องจากไวรัสสายพันธุ์เดลตาแพร่ระบาดหนักขึ้น
แม้ว่าจำนวนผู้เสียชีวิตยังไม่ทะยานขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ธุรกิจ “ร้านอาหาร-บาร์” หลายแห่งในประเทศเริ่มตั้งการ์ดสูงไว้ก่อน ด้วยการออกกฎ “No Vax, No Service” หรือ “ไม่ฉีดวัคซีน งดให้บริการ”
โดยแต่ละร้านมีมาตรการหลักเหมือนกันคือตรวจหลักฐานการฉีดวัคซีนก่อนเข้าร้าน หากยังไม่ฉีดวัคซีนขอสงวนสิทธิ์งดให้บริการ ส่วนรายละเอียดอาจปลีกย่อยอาจแตกต่างกัน เช่น บางร้านอนุญาตให้ใช้ผลตรวจ COVID-19 เป็นลบเมื่อเร็วๆ นี้แทนได้ หรือจัดโซนด้านนอกร้านไว้สำหรับผู้ที่ยังไม่ฉีดวัคซีน
ตัวอย่างร้านที่ออกกฎนี้แล้วหรือเตรียมออกกฎเร็วๆ นี้ เช่น Union Square Hospitality Group เจ้าของเชนร้านเบอร์เกอร์ Shake Shack ซึ่งมีกว่า 230 สาขาทั่วประเทศ ส่วนใหญ่อยู่ในนิวยอร์ก กำลังจะออกกฎให้ลูกค้าต้องฉีดวัคซีนมาแล้ว โดยให้เหตุผลว่าต้องการปกป้องพนักงานและลูกค้า
หรือกลุ่มผู้ประกอบการที่รวมตัวกันอย่าง SF Bar Owner Alliance มีบาร์ในซานฟรานซิสโกกว่า 300 ร้านเป็นสมาชิก ก็ออกนโยบายตรวจหลักฐานฉีดวัคซีนร่วมกัน
นอกจากนี้ ยังมีร้านอาหารที่ไม่ใช่เชนอีกจำนวนมากทยอยออกกฎตามๆ กันในหลายเมือง เช่น แอตแลนตา ซีแอตเทิล วอชิงตันดีซี ลอสแอนเจลิส บอสตัน โอ๊คแลนด์ ฯลฯ
“นี่เป็นสิ่งที่เป็นเหตุเป็นผลที่สุดที่ผมเคยเห็น” แดนนี่ เมเยอร์ ผู้นำบริษัท Union Square Hospitality Group กล่าว “ผมไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์แต่ผมรู้วิธีอ่านดาต้า และสิ่งที่ผมเห็นคือ นี่เป็นวิกฤตของคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน และผมรู้สึกว่าต้องร่วมรับผิดชอบอย่างแข็งขัน ในฐานะของผู้นำธุรกิจผมต้องดูแลทั้งพนักงานของร้านและลูกค้า และนั่นคือสิ่งที่เรากำลังทำ”
มีทั้งคนเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย และมีกฎห้ามในบางรัฐ
กระแสตอบรับของลูกค้าและคนทั่วไปมีทั้งสองด้าน ยกตัวอย่างเช่น City Winery ซึ่งเป็นเชนร้านอาหารสไตล์บาร์การแสดงสด มีทั้งหมด 12 สาขาใน 8 เมือง “ไมเคิล ดอร์ฟ” ซีอีโอของบริษัทนี้ระบุว่า เริ่มแรกร้านประกาศกฎ No Vax, No Service เฉพาะสาขาในนิวยอร์ก แต่หลังจากสำรวจความเห็นลูกค้าผ่านทางอีเมลแล้วพบว่า 75% ของกลุ่มลูกค้าเห็นด้วยกับมาตรการของร้าน ทำให้ตัดสินใจบังคับใช้มาตรการกับทุกสาขา
แต่ไม่ใช่ว่ามาตรการทำนองนี้ไม่มีแรงต้าน ยกตัวอย่างเช่น ร้าน Argosy ในแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ประกาศงดบริการคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน ปรากฏว่าร้านได้รับคำขู่ทางออนไลน์จากกลุ่ม “ต่อต้านวัคซีน” (Anti-Vaxxers) และมีข้อโต้แย้งจากลูกค้าบางกลุ่มที่เห็นว่ามาตรการนี้เป็นการแบ่งแยกกีดกัน แต่เจ้าของร้านยังยืนยันมาตรการ เพราะต้องการปกป้องพนักงานของตนก่อน
ขณะเดียวกัน มีบางร้านอาหารที่ทำในทางกลับกันด้วย เช่น ร้านอาหารอิตาเลียนแห่งหนึ่งที่ชายหาดฮันทิงตัน แคลิฟอร์เนีย ระบุว่า “กรุณาแสดงหลักฐานว่าไม่ได้ฉีดวัคซีนก่อนเข้าร้าน”
นอกจากนี้ บางรัฐยังมีกฎหมาย “ห้ามแบนผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน” เช่น เท็กซัส ฟลอริดา ด้วย สะท้อนให้เห็นกระแสความคิดของคนที่ต่างกันในแต่ละพื้นที่
ในทางกฎหมาย ร้านอาหารทำได้หรือไม่?
นอกจากรัฐที่มีกฎหมายห้ามแบนอย่างเป็นทางการ โดยทั่วไปแล้วร้านอาหารสามารถออกกฎลักษณะนี้ได้หรือไม่?
สำนักข่าว MarketWatch รายงานข้อมูลจากทนายและบริษัทกฎหมายระบุว่า สหรัฐฯ อนุญาตให้บริษัทเอกชนตั้งกฎส่วนตัวได้ในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวข้องกับเรื่องสุขอนามัยเช่นนี้
ที่จริงแล้ว ลองนึกดูว่าร้านอาหารหลายประเภทมีกฎเฉพาะในเรื่องที่มีความสำคัญน้อยกว่านี้ด้วยซ้ำ เช่น ร้านอาหารแบบ Fine Dining หลายแห่งออกกฎให้ผู้ชายต้องสวมสูท ผู้หญิงต้องสวมชุดกระโปรง และห้ามสวมรองเท้าแตะเข้าร้าน หรือร้านอาหารริมหาดอาจจะมีกฎให้ทุกคนต้องสวมเสื้อและรองเท้าก่อนเข้าร้าน เป็นต้น
กลุ่มต่อต้านการฉีดวัคซีน (Anti-Vaxxer) กำลังเป็นประเด็นร้อนในสหรัฐฯ เพราะอาจจะทำให้สหรัฐฯ ไปไม่ถึงเป้าการมีภูมิคุ้มกันหมู่ที่ต้องการ กล่าวคือ ต้องมีผู้รับวัคซีนครบโดสสัดส่วน 70% ขึ้นไป The New York Times รายงานว่า ปัจจุบันตัวเลขผู้ฉีดวัคซีนครบโดสอยู่ที่ 49.7% และค่าเฉลี่ยความเร็วการฉีดขณะนี้อยู่ที่ 681,000 โดสต่อวัน ซึ่งต่ำลงมากเมื่อเทียบกับที่เคยทำได้สูงสุดกว่า 3 ล้านโดสต่อวันในช่วงเดือนเมษายน 2021
ไม่แน่ว่าการใช้ข้อบังคับทางสังคมของร้านอาหารต่างๆ ซึ่งทำให้การใช้ชีวิตสะดวกน้อยลง อาจทำให้กลุ่มที่ยังลังเลต่อการฉีดวัคซีนตัดสินใจได้ง่ายขึ้นก็ได้
Source: MarketWatch, Forbes, Insider