ผู้ซื้อ “แอชตัน อโศก” เรียกร้องอย่าทิ้งกันไว้กลางทาง “ศรีสุวรรณ” มีคดีฟ้องคอนโดฯ อีกเพียบ

ลูกบ้านกว่า 600 ครอบครัวใน “แอชตัน อโศก” ยังคงยืนอยู่ปากเหวโดยไม่มีเบาะรองรับ ล่าสุดกลุ่มลูกบ้านทำหนังสือขอให้ “อนันดาฯ” จัดประชุมรับฟังความเห็นภายใน 14 วัน เตรียมยกระดับข้อเรียกร้องต่อหน่วยงานราชการและอนันดาฯ หากไม่ได้รับการตอบกลับ ด้าน “ศรีสุวรรณ จรรยา” โจทก์ฟ้องคดี ยื่นอุทธรณ์ ยืนยันโครงการมีการรุกล้ำทางสาธารณะ แย้มสมาคมฯ มีกรณีพิพาทกับคอนโดฯ อื่นอีกหลายแห่ง

ติดตามความคืบหน้าโครงการ “แอชตัน อโศก” ที่พัฒนาโดย บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ และถูกศาลตัดสินเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างอาคารเมื่อวันที่ 30 ก.ค. 2564 ล่าสุด ตัวแทนลูกบ้านโครงการออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 และจัดแถลงข่าวสาธารณะอีกครั้งเมื่อวันที่ 30 ส.ค. ที่ผ่านมา

ประเด็นจากหนังสือแถลงการณ์ลูกบ้านแอชตัน อโศก ระบุความคืบหน้าของคดีว่า “พวกเราชาวลูกบ้านแอชตัน อโศกเข้าใจว่า บัดนี้หน่วยงานของรัฐและบริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”

“แต่ยังไม่ปรากฏว่ามีหน่วยงานราชการใดหรือผู้พัฒนาโครงการได้จัดให้มีมาตรการเยียวยา เพื่อบรรเทาผลกระทบจากคำพิพากษาของศาลปกครองกลางให้มีผลเป็นรูปธรรมแต่อย่างใด” เป็นข้อความส่วนหนึ่งในแถลงการณ์

ทางเข้า-ออกโครงการแอชตัน อโศก กว้าง 13 เมตร โดยขอใช้ทางผ่านที่ดินของรฟม. (ภาพจาก : Google Maps Streetview)

แถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า ลูกบ้านได้ทำหนังสือลงวันที่ 24 ส.ค. 2564 ไปยังบริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด และบมจ.อนันดาฯ เพื่อขอให้มีการประชุมเพื่อรับทราบปัญหาที่เกิดขึ้นพร้อมกับการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

โดยลูกบ้านกำหนดกรอบเวลาตอบกลับภายใน 14 วัน หากยังไม่มีการตอบสนอง “พวกเราชาวลูกบ้านแอชตัน อโศกกว่า 1,000 ชีวิตจากกว่า 600 ครอบครัวก็มีความจำเป็นต้องยกระดับข้อเรียกร้องของพวกเราต่อหน่วยงานราชการและ/หรือ ผู้พัฒนาโครงการในโอกาสต่อไป” (อ่านเอกสารแถลงการณ์ฉบับเต็มได้ด้านท้ายบทความ)

Positioning ได้ติดต่อสอบถามความคืบหน้าคดีและแนวทางเยียวยาลูกบ้านไปยัง บมจ.อนันดาฯ เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 64 โดยยังรอการตอบกลับอยู่ในขณะนี้

 

ต้องเป็นหนี้ผ่อน ‘อากาศ’ ต่อไปหรือไม่?

ลูกบ้านแอชตัน อโศกยังย้ำอีกครั้งถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้ว นั่นคือธนาคารต่างๆ ไม่รับรีไฟแนนซ์สินเชื่อบ้านของผู้ซื้อห้องชุดโครงการนี้ ซึ่งทำให้ผู้ซื้อเสียโอกาสลดภาระดอกเบี้ยลง 2-3% คิดเป็นค่าเสียหาย 60-90 ล้านบาทต่อปี หากยังต้องรอการพิจารณาคดีอีก 5 ปี ค่าเสียหายส่วนนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 300-450 ล้านบาท

และไม่เพียงแต่ความเสียหาย ณ วันนี้ ลูกบ้านยังมีความกังวลใจถึงอนาคต หากศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนตามเดิม และอาจมีคำสั่งให้ทุบอาคารตามมา คำถามของลูกบ้านคือ “ผู้ซื้อยังต้องผ่อนสินเชื่อบ้านกับธนาคารต่อไปจนครบหรือไม่ ทั้งที่ห้องชุดกลายเป็นอากาศไปแล้ว”

(Photo : Shutterstock)

กลายเป็นคำถามที่ยังไม่มีคำตอบ เนื่องจากเหตุการณ์ลักษณะนี้น่าจะยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ที่ผ่านมาการระงับการก่อสร้างมักจะเกิดขึ้นก่อนการโอนกรรมสิทธิ์ ทำให้ผู้รับผิดชอบคือบริษัทผู้พัฒนาโครงการโดยตรง แนวทางการเยียวยามักจะเป็นการคืนเงินดาวน์ทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ย แต่กรณีนี้ลูกบ้านได้โอนกรรมสิทธิ์แล้ว และมีภาระหนี้สินเชื่อบ้านกับธนาคารแตกต่างกันไปคนละสัญญา

 

บริษัทไม่เคยแจ้งลูกค้าใหม่ว่ามีคดีพิพาท

ย้อนกลับไปก่อนเกิดคำตัดสินของศาลปกครองกลาง หนึ่งในตัวแทนลูกบ้านซึ่งตัดสินใจซื้อผ่อนดาวน์ตั้งแต่ก่อนโครงการสร้างเสร็จ เล่าถึงประสบการณ์ในช่วงก่อนโอนกรรมสิทธิ์ว่า ในช่วงเดือนมีนาคม 2561 ที่กำลังจะถึงเดดไลน์ส่งมอบห้องตามสัญญา แต่บริษัทยังติดปัญหายังไม่ได้รับเอกสารใบรับรองการก่อสร้างอาคาร (แบบ อ.6) ทำให้โอนกรรมสิทธิ์ไม่ได้

ในช่วงปี 2561 นั้น บริษัทได้ให้ข้อเสนอ 3 ทางแก่ผู้ซื้อคือ ขอขยายเวลาส่งมอบตามสัญญาออกไปก่อน หรือ รับคืนเงินดาวน์ทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ย หรือ แลกห้องชุดกับโครงการอื่นในเครืออนันดาฯ ซึ่งตัวแทนลูกบ้านรายนี้ได้เลือกทางเลือกแรก คือยอมที่จะรอต่อไป จนในที่สุดหลังขยายสัญญา 3 เดือนก็ได้โอนกรรมสิทธิ์ จากนั้นก็เข้าอยู่เป็นปกติตลอดมาจนมารับทราบพร้อมลูกบ้านทุกคนเมื่อวันที่ 30 ก.ค. 64 ว่าโครงการถูกเพิกถอนใบอนุญาต

ขณะที่ตัวแทนลูกบ้านอีกรายหนึ่ง เป็นลูกค้าใหม่ที่เข้าชมและตัดสินใจซื้อโครงการหลังก่อสร้างเสร็จ ลูกค้ารายนี้เพิ่งโอนและย้ายเข้าอยู่เมื่อเดือนเมษายน 2564 เพียง 3 เดือนหลังจากนั้นก็เกิดเหตุคำตัดสินของศาล โดยเขายืนยันว่าทุกขั้นตอนการขายและทำสัญญาไม่มีการแจ้งให้ทราบว่าโครงการมีคดีพิพาทในชั้นศาลอยู่

 

“ศรีสุวรรณ” ยื่นอุทธรณ์ – มีอีกหลายคดีกับคอนโดฯ อื่นๆ

ฝั่งโจทก์ของคดีนี้คือ “สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน” และผู้ฟ้องร่วม 16 คน ได้ยื่นอุทธรณ์คำตัดสินของศาลปกครองกลางเช่นกัน

“ศรีสุวรรณ จรรยา” นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน

ตามข้อมูลจากสำนักข่าวผู้จัดการออนไลน์ “ศรีสุวรรณ จรรยา” นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เปิดเผยว่า แม้จะเป็นผู้ชนะคดี แต่มีบางข้อตัดสินของศาลที่ต้องการอุทธรณ์กลับ เช่น ข้อฟ้องร้องว่าโครงการแอชตัน อโศกรุกล้ำถนนสาธารณะ ซึ่งศาลตัดสินว่าไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีทางสาธารณะ จึงให้ข้อฟ้องร้องนี้ตกไป ฝั่งโจทก์ยังยืนยันว่าเจ้าของที่ดินเดิมเคยตัดที่ดินบางส่วนเป็นทางสาธารณะและจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานแล้ว รวมถึงข้อฟ้องร้องอื่นๆ ที่ศาลไม่วินิจฉัย

ศรีสุวรรณยังเปิดเผยด้วยว่า ต้องการจะให้คดีนี้เป็นบรรทัดฐาน เพราะสมาคมฯ มีกรณีพิพาทกับคอนโดมิเนียมอีกหลายแห่ง ทั้งที่อยู่ระหว่างฟ้องร้องในศาลปกครองกลาง และที่กำลังจะนำเรื่องขึ้นฟ้อง

ที่ผ่านมาสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่โครงการต่างๆ เคยฟ้องร้องคดีในลักษณะใกล้เคียงกันมาแล้วหลายครั้ง ก่อนหน้านี้เคยชนะคดีโครงการ “มหาดเล็กหลวง 2 เรสซิเดนเซส” ของ บมจ.ไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม (TFD) (ชื่อบริษัทขณะนั้น) ของตระกูลเตชะอุบล โดยโครงการคอนโดฯ ลีสโฮลด์แห่งนี้ถูกเพิกถอนทั้ง EIA และใบอนุญาตก่อสร้าง เมื่อปี 2560 และ 2562 ตามลำดับ

โครงการเอลลิโอ เดล เนสท์ อีกหนึ่งคอนโดฯ ที่เกี่ยวพันกับคดีที่สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนฟ้องร้องผู้บริหาร กทม.

ต่อจากนั้นเมื่อเดือนกันยายน 2562 สมาคมฯ พร้อมกับชาวบ้านใน ซ.สุขุมวิท 101 และ ซ.สุขุมวิท 103 ยื่นฟ้องผู้บริหาร กทม. หลายหน่วยงานต่อศาลปกครองกลาง กรณีปล่อยปละให้โครงการ “เอลลิโอ เดล เนสท์” ซอยอุดมสุข ที่พัฒนาโดย บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ก่อสร้างโดยไม่ปฏิบัติตามมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม สร้างความเดือดร้อนแก่ชุมชน โดยร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนรายงาน EIA ทั้งนี้ โครงการนี้ก่อสร้างเสร็จและเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ไปแล้วเมื่อปี 2563

ล่าสุดเมื่อเดือนกรกฎาคม 2563 สมาคมฯ ร่วมกับชาวบ้านซ.สุขุมวิท 61 และเอกมัยซอย 1 เดินทางไปยื่นหนังสือต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (คชก.) กรณีอนุมัติรายงาน EIA ให้กับโครงการคอนโดฯ IMPRESSION EKKAMAI พัฒนาโดย บริษัท เอเอชเจ เอกมัย จำกัด ทั้งที่ยังไม่มีการปรับแก้แบบโครงการตามข้อกังวลของชาวบ้าน เช่น โครงการเป็นอาคารขนาดใหญ่พิเศษแต่ตั้งอยู่บนถนนเอกมัยที่มีความกว้างไม่ถึง 18 เมตร

บริษัท เอเอชเจ เอกมัย จำกัด เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บมจ.ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ กับทุนญี่ปุ่น เจอาร์ คิวชู และ ฮูซิเออร์ส โฮลดิ้งส์ โครงการนี้เริ่มเปิดขายตั้งแต่ปี 2562

มหากาพย์แอชตัน อโศกจึงอาจจะไม่ใช่โครงการสุดท้ายที่เกิดปัญหาต่อลูกบ้านติดตามมา ดังที่เห็นว่าเฉพาะสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนก็มีคดีหรือข้อร้องเรียนค้างอยู่อีกหลายโครงการ

(เอกสารแถลงการณ์ฉบับที่ 2 ของลูกบ้านแอชตัน อโศกฉบับเต็ม)