สนุก ท้าทาย และเสียงเชียร์ จังหวะเปลี่ยน “ธนา เธียรอัจฉริยะ”

“ผมตัดสินใจที่จะบุก” “ธนา เธียรอัจฉริยะ” ไม่ได้ตั้งใจจะชนหรือแข่งขันกับใคร แต่นี่คือประโยคที่เขาเลือกเดินบนเส้นทางชีวิตที่ถึงจุดเปลี่ยนของเขานับจากนี้

ถ้าเปรียบชีวิตตัวเองเหมือนเกมฟุตบอล ”ธนา” บอกว่า เขาได้ผ่านครึ่งแรกของชีวิตในการทำงานในช่วง 15 ปีที่ดีแทคมาแล้ว แน่นอนเขาชนะ ซึ่งหมายถึงความมีชื่อเสียงในฐานะคนพลิกแบรนด์ให้ดีแทคเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ของธุรกิจโทรศัพท์มือถือเบอร์สองของตลาด จนเมื่อคนนึกถึงดีแทคก็ต้องนึกถึง ”ธนา ดีแทค” และ ”ธนา แฮปปี้” แบรนด์พรีเพดที่ ”ธนา” ปั้นกับมือจนเขียนเป็นตำราผ่านพ็อกเกตบุ๊ก และถ้าเขายังอยู่ต่อที่นี่ก็อนาคตสดใส เพราะผลการประเมินผลงานล่าสุดเขายังได้เกรด A+ จากซีอีโอ ”ทอเร่ จอห์นเซ่น” เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา

“ธนา” เงียบหายไปจากแวดวงข่าวสารการตลาดไปกว่าครึ่งปี หลังจากต้องไปรับภาระหน้าที่ใหม่ เป็นคนวางยุทธศาสตร์และต่อรองกับภาครัฐ เพื่อให้ธุรกิจของดีแทคทางโล่ง ท่ามกลางข่าวลือหนาหูเรื่อง ”ธนา” ลาออก และภายหลังภารกิจสำเร็จในการเจรจาให้ดีแทคได้ทดลองบริการ 3G “ธนา” เริ่มมองหาชีวิตในเกมครึ่งหลัง ที่ควรตื่นเต้น ท้าทาย แล้วคำตอบก็ออกมา คือ ลาออกจากดีแทค และไปเป็นเอ็มดีที่แม็คยีนส์

“หากเปรียบชีวิตผมกับเกมฟุตบอล ตอนนี้น่าจะเป็นครึ่งหลัง เพราะครึ่งแรกผ่านที่ดีแทคมาแล้ว แม็คยีนส์เป็นครึ่งหลัง เราเป็นพวกชอบบุก ชอบสนุก ชอบเล่นให้คนดูเชียร์ เมื่อครึ่งแรกเรานำ 2-0 ครึ่งหลังเราจะบุกหรืออุด ถ้าอุดก็ชนะและก็มีชื่อเสียง แต่ก็ไม่สนุก ถ้าเรามีปรัชญาชีวิตว่าบุกแล้วแพ้ช่างมัน คนก็สนุก ผมตัดสินใจแล้วว่าจะบุก หรืออย่างมวย ที่เก่ง และมวยเอ็นเตอร์เทนคนดู แม้จะชกได้เปรียบ ก็ชกบุกจนยกสุดท้าย แพ้ไม่เป็นไร แต่ขอให้คนปรบมือให้ หรือเรารู้สึกว่าเกมของเรา”

ผลตอบรับคือคนดูสนุกอย่างคาดไม่ถึง เพราะทันทีที่ข่าวการลาออกชัดเจน “ธนา” ต้องแถลงข่าว เพื่อนฝูงในแวดวงสื่อต่างกล่าวถึง ”ธนา” แม้แต่ ”สรยุทธ สุทัศนะจินดา” ก็ส่งทีมข่าวมารายงานผ่านช่อง 3 แม้เขาไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นแคมเปญการตลาดว่าด้วยเรื่องการลาออก และยืนยันไม่อยากดัง แต่สถานการณ์ก็พาไปจนเรตติ้งข่าวกระฉูด

อย่างไรก็ตาม ความมันส์ในเกม และความสนุกของผู้ชมยังไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่ ”ธนา” ได้รับกับตัวเองเมื่อต้องไปเจอสิ่งที่ท้าทายใหม่ เพราะตลอด 1 ปีที่ผ่านมาเขารู้สึกว่าเข้าใกล้เส้นที่เขาบอกว่าถ้าอยู่นานกว่านี้อาจเป็น ”มาเฟีย” ในองค์กร กลายเป็นคนที่พูดอะไรคนทำตาม ไม่มีใครค้าน ในสภาพที่เป็นAbsolute Power ซึ่งจะทำให้ Absolute Collapse ได้ง่าย เพียงแต่ว่าเมื่อมีอำนาจและความสบายแล้วจะลงจากหลังเสือได้หรือไม่ หรือในความรู้สึกที่เขาเปรียบเหมือนกับเขาทรายที่ชนะมาแล้ว 19 ครั้ง ชนะครั้งที่ 20 ก็คงเฉยๆ

ยิ่งไปกว่านั้นคือ การเดินออกจากพื้นที่คุ้นเคยและสะดวกสบาย อย่างที่เขาเล่าย้ำถึง Comfort Zone ที่กลัวในการทำสิ่งใหม่ๆ สบาย เริ่มปิดกั้น เริ่มโง่ลง และหวาดกลัว ที่เขาได้รับอิทธิพลและการแนะนำจาก ”ซิคเว่ เบรคเก้” อดีตซีอีโอดีแทคมาโดยตลอด ที่เขาเปรียบให้เป็นอาจารย์สอนให้เห็นถึงความตื่นเต้นในชีวิตการทำงาน แม้ว่าจะมีบางช่วงยืนตรงหน้าผาก็ตาม

”ธนา” ประมวลผลเข้ากับแรงบันดาลใจจากไอดอลที่เขาชื่นชมอย่าง ”ประภาส ชลศรานนท์” ที่ไม่เพียงจากประโยคที่ว่า ”รู้อะไรรู้ให้กระจ่าง และลบให้หมด” ซึ่งหมายถึงความพร้อมการเปิดรับรู้สิ่งใหม่ๆ เท่านั้น แต่ ”ประภาส” ยังเป็นไอดอลในแนวที่เขาชื่นชอบ

“ไอดอลคนมีสองสาย คือชอบตำแหน่งที่เขาอยู่ เช่นอยากรวย อยากสำเร็จเหมือนนักธุรกิจคนโน้นคนนี้ หรือชอบวิธีการหรืองานที่เขาทำ ผมเลือกชอบวิธีการ เช่น คนนี้ทำงานสนุกและสำเร็จ ตื่นเต้นที่เขาทำ และไม่ได้สนใจว่าเขาใหญ่หรือไม่ เขาทำงานได้ดี มีพลัง ชอบงานที่เขาทำเพราะงานเขาดี อย่างคุณประภาสชอบเขียนหนังสือไม่รู้จะดังหรือไม่แต่ชอบเขียน คุณอัสนี ชอบเล่นกีตาร์ ไม่รู้ว่าจะดังหรือไม่ดัง แต่ชอบเล่น” นี่คือสิ่งที่เรียกกันว่า Passion ซึ่ง ”ธนา” เลือกให้กับตัวเอง

แม็คยีนส์คือดีลที่ดีสำหรับ ”ธนา” ที่เป็นองค์กรเล็กกว่ามากเมื่อเทียบกับดีแทค และเล็กกว่าอีกหลายองค์กรที่ชักชวน ”ธนา” ไปร่วมงาน หากเลือกองค์กรใหญ่ มีความเติบโตอยู่แล้วจะไม่ตอบโจทย์แรกในการออกจาก Comfort Zone แต่แม็คยีนส์ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นและเลือดสูบฉีดมากกว่า เพราะเป็นอุตสาหกรรมรีเทล แฟชั่น ที่เขาไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน

ยิ่งไปกว่านั้นคือความไว้วางใจจาก ”สุณี เสรีภาณุ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีเค การ์เมนท์ (อิมปอร์ต-เอ็กซ์ปอร์ต) เจ้าของแบรนด์แม็คยีนส์ ผ่าน ”สุวภา เจริญยิ่ง” เอ็มดีของ บล.ธนชาต รุ่นพี่ในวงการการเงินของ ”ธนา” ด้วยข้อตกลงแบบ ”หยวนไปหยวนมา” “Humble&Fare” ที่ ”ธนา” ในฐานะเอ็มดีจะดูทุกอย่างในองค์กร โดย ”สุณี” จะให้เงินเดือนมากเท่าดีแทค แต่ “ธนา” ก็ขอน้อยกว่า ให้สิทธิประโยชน์หลายอย่างแต่ขอแค่รถและโน้ตบุ๊กก็โอเค และเป้าหมายคือ ”กะกะเอา” ในการสร้างแบรนด์แม็คยีนส์อย่างที่คุยกันว่า “ถ้าเป็นที่ 1 ก็ดี” ซึ่ง ”ธนา” บอกว่า ”ถึงเวลาดีก็ดี ผมก็เป็นคนแฟร์ ถ้าไม่ดีผมก็ต้องพิจารณาตัวเอง”

สิ่งที่เป็น Passion ของแม็คยีนส์คือแบรนด์เบอร์รอง เป็น Underdog ที่ “ธนา” ถนัด และสนุกเมื่อทำงานในฐานะมวยรอง เพราะต้องซ้อมหนัก มีแผนที่ดี รอจังหวะที่ดี สร้างทีม มีพลังแฝงและสำเร็จคนชื่นชอบ

ความลังเลในการตัดสินใจมีหรือไม่ โดยเฉพาะหากบุกแล้วแพ้ ดูเหมือนว่า “ธนา” ไม่ได้คิดถึงมุมนี้ อย่างมากหากแพ้เขาบอกว่าก็อาจเขียนพ็อกเกตบุ๊กได้อีกเล่ม ว่าด้วยเรื่องประสบการณ์ความเปลี่ยนแปลง ”ล้มเหลว ผิดพลาด โง่เขลา แพ้ ไม่คาดฝัน“ เท่านั้นเอง

ช่วงเวลานับจากวันที่ตัดสินใจเมื่อเดือนธันวาคม การเริ่มงานที่แม็คยีนส์ประมาณเดือนพฤษภาคม คือช่วงวอร์มอัพของ ”ธนา” ที่เริ่มเปิดรับข้อมูลใหม่ๆ เกี่ยวกับแฟชั่น ไปร้านหนังสือก็ตื่นเต้นที่จะเปิดดูหนังสือใหม่ๆ สองเล่มแรกที่เกี่ยวกับแฟชั่นที่อยู่ในมือเขาแล้ว คือ Retailization และ GM Style เมื่อไปต่างประเทศเริ่มเข้าร้านขายยีนส์และเสื้อผ้าแฟชั่น และทำตัวเป็นลูกค้ายีนส์เมื่อเดินดูช็อปในห้างสรรพสินค้า

ยิ่งไปกว่านั้น ชื่อของ ”ธนา” ที่ขายได้ทำให้ชื่อของ ”แม็คยีนส์” ถูกพูดถึงมากขึ้น และเมื่อมีโอกาส ”ธนา” จะขายกางเกงยีนส์แม็คทันที เหมือนอย่างที่เขาเปลี่ยน คำต่อท้าย @Thanahappy ในทวิตเตอร์ ว่าHappy dad “ช่วงนี้เป็นช่วงดีแม็ค”

ยิ่งไปกว่านั้น วงการตลาดคงได้เห็น ”ธนา” ปรากฏตัวมากขึ้น เพราะ ”ธนา” เตรียมพร้อมร่างกายให้ใส่ยีนส์แล้วเท่ไว้แล้ว ด้วยการลดน้ำหนัก ออกกำลัง เริ่มต้นเรียนโยคะร้อน เทรนการเล่นกล้าม หลังจากรอมานาน

”ธนา” เพิ่งเริ่มเกมครึ่งหลังด้วย ”ความท้าทายและหาสิ่งใหม่” ซึ่งเป็นไอดอลที่เด็กรุ่นใหม่ค้นหา อยากเป็นและทำตาม

“ผมกลัวการเป็นไอดอล บางอย่างผมรู้สึกไม่ได้เก่งขนาดนั้น ผมก็เป็นคนธรรมดาแต่มีไอเดียเแผลง ไม่ใช่เทวดา ที่ไปจับแบรนด์ไหนก็ดัง ที่ผ่านมาเทเลคอมมีเงินใช้เยอะ ทุกคนใช้เยอะ โชคดีเกินครึ่งมาจากตรงนี้ หากจะมองผมเป็นไอดอล ก็มองเรื่อง Passion คือทำอะไรต้องมี Passion ต้อง Out of Comfort Zone ลองทำอะไรใหม่ๆ ไม่ว่าจะอยู่ในภาวะสบายๆ หรือง่านยุ่งๆ ต้องออกมา ทำอะไรใหม่ที่ไม่ชินบ้าง เพราะการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เป็นชีวิต”

เหมือนอย่างท่อนฮุ๊คเพลง ”คนล่าฝัน” ของพี่ ”แอ๊ด ยืนยง โอภากุล” ที่ก้องอยู่ในใจของ ”ธนา” และพร้อมแชร์ให้คนอื่นๆ ฟังเสมอว่า

…..โอ้ชีวิตมีอะไรตั้งเยอะแยะ
มีเกิดแก่เจ็บตายคล้ายๆ กัน
แต่สิ่งที่มีไม่เหมือนคือความฝัน
อยู่ที่ใครจะล่ามันให้อยู่มือ …..

People
Name : ธนา เธียรอัจฉริยะ
Age : 42 ปี
Education :
  • มัธยมต้นโรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา
  • มัธยมปลายโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
  • ปริญญาตรี เศรษฐศาตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • ปริญญาโท มหาวิทยาลัย วอชิงตัน สเตท เอกการเงิน
Career Highlights :
  • ลูกเรือสายการบินเดลต้าแอร์ไลน์ส
  • บริษัทหลักทรัพย์เอกธำรง ส่วนงานวาณิชธนกิจ
  • ปี 1996 เริ่มงานที่ดีแทค (ชื่อ ”แทค” ในยุคนั้น) ตำแหน่งผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายการเงิน ดูแลนักลงทุนสัมพันธ์ และดูแลงานอีกหลายส่วนรวมทั้งเป็นหัวหน้าการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 1997 เคยลาออกไปอยู่ฮัทช์ประมาณ 3 เดือน
  • ปี 2002 เริ่มสร้างผลงานสร้างแบรนด์แฮปปี้ จนนั่งเก้าอี้รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการพาณิชย์ หรือ Chief Commercial Officer
  • ปี 2010 ถูกแต่งตั้งเป็นรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มกลยุทธ์และกิจการองค์กร ประกาศลาออกเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2011 และยื่นใบลาออกเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2011 มีผลสิ้นเดือนเมษายน 2011
  • พฤษภาคม 2011 เริ่มตำแหน่งเอ็มดีที่บริษัท พีเค การ์เมนท์ (อิมปอร์ต-เอ็กซ์ปอร์ต) เจ้าของแบรนด์แม็คยีนส์ เบอร์รองในตลาดยีนส์ของไทย
Idol :
  • ประภาส ชลศรานนท์ นักเขียน ที่ให้แนวคิดการใช้ชีวิตและการทำงานที่ต้องมี Passion
  • ซิคเว่ เบรคเก้ อดีตซีอีโอดีแทค ที่ให้แนวคิดเรื่องการออกจาก Comfort Zone เพื่อเปิดให้ตัวเองได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ

Profile

แบรนด์แม็คยีนส์เกิดขึ้นเมื่อปี 1990 ปัจจุบันมี 4แบรนด์ในเครือ ได้แก่ Mc Jeans, Bison-Casual wear, Mc Lady-Ladies wearและKangaroo-Sport Casual wearมี ”สุณี เสรีภาณุ” เป็นกรรมการผู้จัดการ ในนามบริษัท พี.เคการ์เม้นท์ (อิมปอร์ต-เอ็กซ์ปอร์ต) จำกัด คนปัจจุบัน นอกจากทำตลาดในไทยยังจำหน่าในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สิงคโปร์ พม่า ลาว เวียดนาม ปี 2009 มีรายได้ประมาณ 1,500 ล้านบาท จากมูลค่าตลาดยีนส์ปีละประมาณ 5,000 ล้านบาท โดยแม็คยีนส์ตั้งเป้ายอดขายเติบโตปีละ 20% งบการตลาดประมาณ 100 ล้านบาท