เจนสองตระกูล “รุ่งโรจน์ธนกุล” นำแบรนด์ “อยู่เจริญ” จากรุ่นก่อตั้งกลับมาปัดฝุ่นใหม่ใน 3 โครงการ พัฒนาผ่านบริษัท “พันนาลิฟวิ่ง” ชี้ลูกค้ายังจดจำแบรนด์ได้และมีลอยัลตี้ พร้อมเปิดกรุสมบัติที่ดินของตระกูลมากกว่า 1,000 ไร่ในกรุงเทพฯ หยิบ 3 แปลงเด็ด รามอินทรา – สุขุมวิท 49 – พุทธมณฑลสาย 2 ทยอยนำมาพัฒนา
ยุคกว่า 40 ปีก่อน หนึ่งในแบรนด์อสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อในตลาดคือทาวน์เฮาส์ “อยู่เจริญ” ซึ่งก่อตั้งโดย “อุดม รุ่งโรจน์ธนกุล” เริ่มโครงการแรกตั้งแต่ปี 2518 และเลือกพัฒนาในย่านถนนรัชดาภิเษก ทั้งที่สมัยนั้นยังถือเป็นเขตชานเมืองห่างไกล แต่ทุกวันนี้กลายเป็นย่านใจกลางกรุงเทพฯ ไปแล้ว
“ดร.ชนฐนพค์ รุ่งโรจน์ธนกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พันนาลิฟวิ่ง จำกัด รุ่นสองของครอบครัว เล่าย้อนความหลังว่ารุ่นคุณพ่ออุดมคือเจ้าแรกที่พัฒนาโครงการรูปแบบ “ทาวน์เฮาส์” ที่มีที่จอดรถหน้าบ้าน โดยสมัยนั้นยังใช้ระบบเซ้ง 30 ปีอยู่ หลังจากนั้นคุณพ่อสร้างโครงการแบรนด์ “อยู่เจริญ” เรื่อยมาจนถึงปี 2540 ครอบครัวเริ่มเปลี่ยนไปพัฒนาโครงการเชิงพาณิชย์แทน
กระทั่ง ดร.ชนฐนพค์ ตัดสินใจกลับมาฟื้นธุรกิจด้านที่อยู่อาศัยเมื่อปี 2554 แต่เปิดเป็นบริษัทใหม่ในชื่อ บริษัท พันนาลิฟวิ่ง จำกัด เนื่องจากที่ดินและโปรดักส์ที่พัฒนาเป็นโครงการระดับไฮเอนด์ จึงมองว่าไม่เหมาะที่จะใช้ชื่อ “อยู่เจริญ” ซึ่งสมัยก่อนคุณพ่อพัฒนาทาวน์เฮาส์ในราคา 1 ล้านกว่าบาทเท่านั้น
ปัจจุบัน พันนาลิฟวิ่งทยอยพัฒนาโครงการมูลค่าสะสมเกือบ 3,000 ล้านบาท มีโครงการที่เปิดขายอยู่ เช่น บ้านพันนา เอกมัย-รามอินทรา 3, บ้านพันนา ศรีวรา เป็นต้น
“เราก็ทำพันนามาเรื่อยๆ ระหว่างนั้นจะมีลูกค้าที่ลอยัลตี้กับอยู่เจริญก็คอยทักมาตลอดว่า ทำไมไม่มีแบรนด์นี้แล้ว จนบริษัทเราเริ่มมั่นคงก็เลยคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องนำแบรนด์กลับมาเพื่อให้เกียรติ” ดร.ชนฐนพค์ กล่าว
ดังนั้น ปี 2564-65 บริษัทมีการนำแบรนด์ “อยู่เจริญ” กลับมาใช้ใน 3 โครงการ มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท ได้แก่
1.อยู่เจริญ เรสซิเดนซ์ ทาวน์ อิน ทาวน์ – คอนโดมิเนียม 7 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 208 ยูนิต ห้องชุดแบบ 1 ห้องนอนพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 34.75 ตร.ม. ราคาเริ่ม 3.4 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 40% พร้อมเข้าอยู่ (โครงการนี้รีแบรนด์มาจาก ตรรกะ คอนโด ศรีวรา ซึ่งเริ่มเปิดขายตั้งแต่ปี 2561)
2.บ้านอยู่เจริญ ทาวน์ อิน ทาวน์ – โฮมออฟฟิศ 4.5 ชั้น จำนวน 14 ยูนิต ออกแบบสไตล์โมเดิร์น เจแปนนีส จอดรถได้หลังละ 6 คัน ที่ดินขนาด 40 ตร.ว. ราคาเริ่ม 38 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 2 ยูนิต
3.บ้านอยู่เจริญ อีสต์วิลล์ – โฮมออฟฟิศและบ้านแฝดระดับพรีเมียม ทำเลซอยนาคนิวาส 6 สามารถเดินไปศูนย์การค้าเซ็นทรัล อีสต์วิลล์ได้ ออกแบบสไตล์ตะวันตก จอดรถได้ 6 คัน มีลิฟต์ในตัว เปิดตัวปี 2565 (ยังไม่ประกาศราคา)
บริษัทคาดว่าปี 2564 นี้จะทำยอดขายไม่ต่ำกว่า 820 ล้านบาท จากโครงการอยู่เจริญ เรสซิเดนซ์ ทาวน์ อิน ทาวน์ และบ้านอยู่เจริญ ทาวน์ อิน ทาวน์ ส่วนปี 2565 เตรียมขึ้นโครงการย่านเลียบด่วนรามอินทราอีกไม่ต่ำกว่า 3 โครงการ
แลนด์ลอร์ดที่ดิน “พันไร่” ในกรุงเทพฯ
นอกจากเป็นผู้พัฒนาอสังหาฯ แล้ว ตระกูลรุ่งโรจน์ธนกุลยังเป็นนักสะสมที่ดินอีกด้วย โดย ดร.ชนฐนพค์ ประเมินว่าทั้งตระกูลน่าจะมีที่ดินรวมกันไม่ต่ำกว่า 1,000 ไร่ในกรุงเทพฯ
ในยุคของคุณพ่ออุดมจะมีการแบ่งโซนสะสมที่ดินกับพี่น้อง เฉพาะตัวคุณพ่อจะเน้นที่ดินย่านลาดพร้าว ดินแดง ประเวศ สายไหม ส่วนพี่น้องอีกสองคนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอสังหาฯ ท่านหนึ่งดูแลที่ดินย่านบางนาและสุขุมวิท อีกท่านจะดูแลย่านถนนวิภาวดี ดอนเมือง ไปถึงปทุมธานี
ทำให้ที่ดินในมือกระจายไปหลายทำเล และจะทยอยมองหาที่ดินของครอบครัวที่เหมาะสมมาพัฒนา สำหรับช่วงปีหน้าคาดว่าจะเปิดกรุที่ดิน 3 แหล่งออกมาพัฒนา คือ ย่านรามอินทรา, แปลงที่ดิน 8 ไร่สุดซอยสุขุมวิท 49 ติดคลองแสนแสบ และที่ดินย่านพุทธมณฑลสาย 2 – บรมราชชนนี
นอกจากนี้ บริษัทจะมีกลยุทธ์ใหม่คือการจอยต์เวนเจอร์กับเจ้าของที่ดินรายอื่น เพื่อเพิ่มศักยภาพในการพัฒนาโครงการ โดยเจ้าของที่ดินเหล่านี้มักจะเป็นแลนด์ลอร์ดเช่นกัน มีที่ดินและ ‘มองขาด’ ถึงศักยภาพที่ดินของตนว่าควรพัฒนาโครงการแบบไหนและทำราคาได้เท่าไหร่ แต่ต้องการให้คนที่ทำธุรกิจอยู่แล้วร่วมลงทุนเพื่อลงมือพัฒนา
ดร.ชนฐนพค์ กล่าวว่า อนาคตพันนาลิฟวิ่งจะพัฒนาโครงการใหญ่ขึ้นและหลากหลายมากขึ้น โดยสนใจธุรกิจเชิงพาณิชย์ หรือธุรกิจเฮลธ์แคร์ รวมถึงสนใจบุกต่างจังหวัดด้วย หากธุรกิจเติบโตได้ดี คาดว่าจะเริ่มเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายใน 3-5 ปี