‘ออสเตรเลีย’ ทุ่ม 185 ล้านเหรียญหนุน ‘รถอีวี’ เน้นเพิ่มสถานีชาร์จ แทนใช้ลดต้นทุนการผลิต

นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียประกาศแผนส่งเสริมให้ผู้คนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า หลังจากที่รัฐบาลของเขาถูกกล่าวหาในการประชุมสหประชาชาติที่สกอตแลนด์ว่าล้าหลังในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน กล่าวว่า แผน 185 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะร่วมมือกับองค์กรเอกชนเพื่อเร่งการเปิดตัวสถานีชาร์จและเติมเชื้อเพลิงไฮโดรเจน 50,000 แห่ง โดย สกอตต์ มอร์ริสัน ให้ความเห็นว่า ที่ไม่นำงบไปสนับสนุนแก่ผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า เพราะมองว่าอนาคตเทคโนโลยีจะมีราคาถูกลงในอนาคต

“ต้นทุนทางเทคโนโลยีกำลังลดลง ซึ่งหมายความว่าตัวเลือกต่าง ๆ ที่มีให้สำหรับชาวออสเตรเลียและทั่วโลกกำลังเข้าถึงได้มากขึ้น ดังนั้นแผนของเราจึงสนับสนุนทางเลือกเหล่านั้น แผนของเราไม่ได้เกี่ยวกับการนำเงินของผู้เสียภาษีไปให้บริษัทข้ามชาติรายใหญ่เพื่อลดต้นทุน” มอร์ริสันกล่าว

รัฐบาลคาดการณ์ว่า การผลักดันดังกล่าวจะส่งผลให้ 30% ของยอดขายรถใหม่และรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็กในออสเตรเลียเป็นไฟฟ้าจากแบตเตอรี่หรือไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริดภายในปี 2030 จากปัจจุบันยอดขายน้อยกว่า 2% ของรถใหม่ในออสเตรเลียเป็นรถยนต์ไฟฟ้า และภาคการขนส่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ออสเตรเลียเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เลวร้ายที่สุดรายหนึ่งในโลก

ทั้งนี้ ในการประชุมด้านสภาพอากาศของสหประชาชาติในกลาสโกว์หรือที่เรียกว่า COP26 มอร์ริสันให้คำมั่นสัญญาออสเตรเลียในการบรรลุการปล่อยมลพิษสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 แต่เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางจากการปล่อยให้เป้าหมาย 2030 ของออสเตรเลียไม่เปลี่ยนแปลง โดยมีเป้าหมายที่ค่อนข้างระวังตัวในการลดการปล่อยมลพิษ 26% เป็น 28% ต่ำกว่าระดับปี 2005 ที่ประเทศอื่น ๆ ได้ระบุว่าจะยิ่งเข้มงวดมากขึ้น

Source