ผู้บริโภคส่วนใหญ่ในบ้านเรา ยังคงมีทัศนคติเชิงบวกต่อสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าจากจีนในระดับที่ต่ำ ผู้ผลิตสินค้าจากจีนจึงพยายามอย่างเต็มที่ในการยกระดับความเป็นแบรนด์สากลมาเป็นจุดในการสื่อสารกับผู้บริโภค
กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฮเออร์ อิเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย)จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าไฮเออร์ อู๋ หย่ง บอกว่า ไฮเออร์ได้พัฒนาแบรนด์โดยใช้กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ที่เน้นความแตกต่าง ตอกย้ำความเป็นแบรนด์สากล โดยยอดขายรวมไฮเออร์ทั่วโลกในปี 2010 มีมูลค่าสูงถึง 22,616 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 9 % ซึ่งมีผลกำไรอยู่ประมาณ 1,033 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 75% อีกทั้งตู้เย็น และเครื่องซักผ้าของไฮเออร์ ยังได้รับการจัดอันดับให้เป็น Top Global Brand อีกด้วย
เขาบอกด้วยว่า ไฮเออร์กรุ๊ป เข้าสู่ตลาดเมืองไทยอย่างเต็มตัวในปี 2007 ได้ตั้งโรงงานตู้เย็น เครื่องซักผ้า และเครื่องปรับอากาศ ซึ่งได้ทำการสร้างแบรนด์และขายอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันโรงงานไฮเออร์ในเมืองไทยมีกำลังการผลิตตู้เย็นอยู่ที่ 1.3 ล้านเครื่องต่อปี เครื่องปรับอากาศมีกำลังการผลิต 500,000 เครื่องต่อปี และเครื่องซักผ้า มีกำลังการผลิต 150,000 เครื่องต่อปี
เขาบอกด้วยว่า ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศไทย เป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง และจะขยายตัวประมาณ 10% เท่ากับปีที่ผ่านมา โดยจะมีสินค้าหลายกลุ่มที่จะเปิดตัวรุ่นใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่มตู้เย็น เครื่องซักผ้า และเครื่องปรับอากาศ ที่ช่วยขับเคลื่อนตลาด คิดเป็นสัดส่วนถึง 70% ปีนี้เครื่องใช้ไฟฟ้าไฮเออร์ ได้ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 1,000 ล้านบาท
ความแตกต่างที่ไฮเออร์สื่อสารที่ผู้บริโภคและคู่แข่งก็คือ การเปิดตัวตู้เย็นที่สามารถต่อเชื่อมอินเตอร์เน็ตได้ในรุ่น Casarte ระบบ บ้านอัจฉริยะ (Haier Internet of Things Home : U-Home 2.0 Living Solution)