BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของจีน ประกาศปรับขึ้นราคารถยนต์อีกราว 3,000-6,000 หยวน (1.5-3 หมื่นบาท) โดยอ้างถึงต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากวิกฤตรัสเซีย–ยูเครน ขณะคู่เเข่งจากสหรัฐฯ อย่าง ‘Tesla’ ก็ปรับขึ้นราคาเป็นครั้งที่สองในรอบสัปดาห์
การปรับขึ้นราคาของ BYD จะมีผลตั้งแต่วันพุธนี้เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม ลูกค้าที่ชำระเงินค่ามัดจำรถยนต์มาเเล้วก่อนหน้านี้จะไม่ได้รับผลกระทบ
การประกาศดังกล่าว เกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจาก Tesla ปรับขึ้นราคาขายรถยนต์ในตลาดจีนและสหรัฐฯ เป็นครั้งที่สองในเวลาไม่ถึงสัปดาห์
อีลอน มัสก์ ซีอีโอของ Tesla ระบุว่า ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับแรงกดดันจากเงินเฟ้ออย่างมากทั้งในด้านวัตถุดิบและการขนส่ง
โดย Tesla ประกาศขึ้นราคารถยนต์ไฟฟ้าเอสยูวี Model Y และรถซีดานรุ่น Model 3 ในสหรัฐฯ เพิ่มอีก 1,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อคัน พร้อมรุ่น Model 3 เเละ Model Y ที่ผลิตในจีนจำนวนหนึ่งอีก 10,000 หยวน (ราว 1,582.40 ดอลลลาร์) ต่อคัน
ก่อนหน้านี้ BYD เคยปรับขึ้นราคาราว 1,000-7,000 หยวน ในช่วงวันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยอ้างถึงต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นและเงินอุดหนุนจากรัฐบาลสำหรับรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ที่ลดลง
รัฐบาลจีนได้ส่งเสริม NEV เพื่อช่วยลดมลพิษทางอากาศ ซึ่งหากอุตสาหกรรมนี้เติบโตเพียงพอที่จะขับเคลื่อนตลาดไปได้เอง ก็จะมีการทยอยลดเงินอุดหนุนจากรัฐ โดยเดือนม.ค.ได้ลดเงินอุดหนุนลง 30%
ต้นทุนวัตถุดิบพุ่งสูงขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดจากการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน หลังจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย โดยรัสเซียเรียกการกระทำของตนในยูเครนว่าเป็น “ปฏิบัติการพิเศษ“
โดยอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าได้รับผลกระทบจากราคาโลหะที่ใช้ในการประกอบรถยนต์เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงอะลูมิเนียมที่ใช้ในตัวถังรถ , แพลเลเดียมที่ใช้ในเครื่องฟอกไอเสียเชิงเร่งปฏิกิริยา นิกเกิลและลิเธียมที่จ่ายไฟให้กับแบตเตอรี่ ซึ่งเหล่าผู้บริโภคจะต้องเเบกรับราคาต้นทุนที่สูงขึ้นนี้
- จับตา ‘BYD’ ยอดขายพุ่ง ครองตลาดรถยนต์ไฟฟ้า-ไฮบริดในจีน แซง ‘Tesla’
- EU อนุมัติคว่ำบาตร ‘รัสเซีย’ รอบใหม่ มุ่งไปยังกลุ่มพลังงาน-เหล็ก-สินค้าฟุ่มเฟือย
ที่มา : Reuters