จับตา ‘BYD’ ยอดขายพุ่ง ครองตลาดรถยนต์ไฟฟ้า-ไฮบริดในจีน แซง ‘Tesla’

Photo : Shutterstock
‘BYD’ ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีน ขึ้นเเซงเเบรนด์ดังอย่าง ’Tesla’ ทำยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าเเละรถยนต์ไฮบริดใน ‘ตลาดจีน’ ได้มากกว่าในปีที่ผ่านมา ด้วยการเติบโตที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ตั้งเป้ายอดขายในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น ‘2 เท่า’

Nikkei Asia รายงานว่า โมเดลรถยนต์ของ BYD ที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดมากที่สุด คือรุ่น ปลั๊กอินไฮบริด Song Plus DM-i ซึ่งออกจำหน่ายเมื่อเดือนมีนาคมปีที่ผ่านมา ด้วยราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 150,000 หยวน (ราว 7.6 เเสนบาท)

ตัวแทนจำหน่ายในฮุ่ยโจว เมืองทางตอนใต้ของจีน บอกว่า “Song Plus DM-i เป็นที่นิยมอย่างมาก จนผู้ซื้อต้องรอนาน 3-6 เดือนถึงจะได้รับรถ”

นักวิเคราะห์จาก Zheshang Securities มองว่าการที่รถโมเดลรุ่นนี้ขายดีเพราะว่า “ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินของเเบรนด์คู่แข่งที่อยู่ในช่วงเรตราคาเดียวกัน”

‘BYD’ ก่อตั้งในปี 1995 ในฐานะผู้ผลิตแบตเตอรี่แบบชาร์จไฟได้และเข้าสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ในปี 2003 พร้อมผลิตสมาร์ทโฟนด้วย

โดยเป็นเเบรนด์ที่สร้างชื่อเสียงมาจากรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริด ซึ่งในจีนนิยามว่าเป็นหนึ่งใน “รถยนต์พลังงานใหม่” เเต่กลุ่มรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน ก็ยังครองสัดส่วนยอดขายส่วนใหญ่มาจนถึงปี 2020

ต่อมาบริษัทได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่เเละ ‘หันหลัง’ ให้กับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน ตั้งเเต่ปีที่แล้ว โดยยอดขายในหมวดดังกล่าวลดลงกว่า 40% มาอยู่ที่ 130,000 คัน ขณะเดียวกัน ยอดขายรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดกลับเพิ่มขึ้นถึง 6 เท่า เป็น 270,000 คัน

ส่วนยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเป็น 320,000 คัน โดยยอดขายโดยรวมพุ่งขึ้น 70% ในปี 2021 และ BYD ตั้งเป้าว่าจะทำยอดขายเพิ่มขึ้น 2 เท่าเป็น 1.5 ล้านคันในปีนี้

ข้อมลจาก Marklines บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลด้านการตลาด ระบุว่า ยอดขายของ Tesla ในจีนเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าเป็น 473,000 คัน ตามกระเเสความนิยม แต่ BYD ยังคงเป็นผู้นำในตลาด หากรวมยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าล้วนเเละปลั๊กอินไฮบริดไว้ด้วยกัน

รถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดของ BYD หลายรุ่นมีราคาอยู่ระหว่าง 100,000 หยวนถึง 200,000 หยวน ซึ่งต่ำกว่ารถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla’ ที่เริ่มต้นที่ 300,000 หยวน พร้อมมุ่งเจาะตลาดต่างจังหวัดในจีนเเละคนหนุ่มสา

นอกจากนี้ จะมีเเผนจะขยายธุรกิจไปในต่างประเทศ โดย BYD เริ่มส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าไปยังยุโรป เเละเริ่มมีโมเดลวางจำหน่ายในออสเตรเลีย

ปัจจุบัน กำลังการผลิตรถยนต์นั่งส่วนบุคคลของ BYD อยู่ที่ 600,000 คัน ณ สิ้นปี 2020 คาดว่าปริมาณรถยนต์จะเกิน 3 ล้านคันได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ตามรายงานของสื่อท้องถิ่น

อย่างไรก็ตาม อุปสรรคที่ใหญ่อย่างหนึ่งของ BYD คือ ความสามารถในการทำกำไรที่ลดลง แม้ว่ายอดขายรถยนต์จะเพิ่มขึ้น แต่กำไรสุทธิยังต่ำกว่าตัวเลขของปีก่อนในช่วงไตรมาสที่สองและสามของปีที่แล้ว หลักๆ มาจากต้นทุนการผลิตที่สูง ทั้งแบตเตอรี่ ชิป และส่วนประกอบอื่นๆ สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ที่ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายตลอดห่วงโซ่อุปทาน

เเละยังประเด็นที่น่ากังวลอีกอย่างคือ การขาด ‘โมเดลพรีเมียม’ ที่สามารถทำกำไรสูงกว่า เนื่องจาก BYD มีรถเพียงไม่กี่รุ่นเท่านั้นที่มีราคาสูงกว่า 200,000 หยวน และแทบไม่มีรถในช่วงราคา 300,000 หยวนเลย ซึ่ง Tesla ก็ครองตลาดนี้อยู่

นอกจากนี้ การแข่งขันจากผู้ผลิตรถยนต์ต่างชาติรายใหญ่อย่าง Volkswagen เเละ Honda Motor ก็รุนเเรงขึ้นเรื่อยๆ โดยกำลังจะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ในช่วงราคา 200,000-300,000 หยวนในเร็วๆ นี้

 

ที่มา : Nikkei Asia