SHARGE ติดสปีดปูพรม “หัวชาร์จ” 2,400 หัว เน้นตลาดบ้าน-คอนโด รองรับ “รถอีวี” เวฟแรก

SHARGE
บริษัท SHARGE ผู้ให้บริการ “หัวชาร์จ” รถอีวี ตั้งเป้าติดตั้งหัวชาร์จให้ได้ 600 แห่ง รวมหัวชาร์จ 2,000-2,400 หัวภายในปี 2565 โดยเริ่มต้นเน้นตลาดบ้าน-คอนโดเป็นหลัก รองรับกระแสคลื่นลูกแรกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไทยที่คาดว่าจะเพิ่มเป็น 10,000 คันในปีนี้ ก่อนจะโตก้าวกระโดดแตะ 1.05 ล้านคันภายในปี 2568

กระแสรถยนต์ไฟฟ้านับได้ว่าเริ่มจุดติดแล้วในไทย โดยหนึ่งในกุญแจสำคัญที่ทำให้กระแสนี้เป็นไปได้ คือการมี “หัวชาร์จ” อย่างเพียงพอในจุดที่ผู้ใช้รถต้องการ

“พีระภัทร ศิริจันทโรภาส” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SHARGE) หนึ่งในผู้เล่นของตลาดติดตั้งและบริการหัวชาร์จรถอีวี จึงต้องรีบติดสปีดให้ทันต่อดีมานด์ โดยเขากล่าวถึงโมเดลธุรกิจของ SHARGE ก่อนว่า บริษัทมีการแบ่งตลาดออกเป็น 4 ส่วน ได้แก่

  • Night คือ การชาร์จยามค่ำคืน ระหว่างผู้ใช้รถพักผ่อน เช่น บ้าน คอนโดมิเนียม โรงแรม ทำให้หัวชาร์จใช้แบบกระแสสลับ (AC) ได้ เพราะลูกค้ามีเวลาในการชาร์จนานเพียงพอ
  • Day คือ การชาร์จที่จุดหมายปลายทางระหว่างวัน เช่น ห้างสรรพสินค้า ออฟฟิศ สถาบันการศึกษา โรงพยาบาล ทำให้หัวชาร์จจะใช้แบบกระแสตรง (DC) หรือ AC เพิ่มความเร็วการชาร์จ ใช้เวลา 2-4 ชั่วโมง
  • On-the-go คือ การแวะชาร์จระหว่างเดินทางไกล เช่น สถานีชาร์จ จุดพักรถ หัวชาร์จจะใช้แบบ DC ซูเปอร์ชาร์จจิ้ง ใช้เวลาเพียง 10-15 นาที
  • Fleet เป็นการวางระบบเฉพาะสำหรับบริษัทพาหนะขนส่งคน ส่งของ โลจิสติกส์

ชาร์จ แมเนจเม้นท์ นั้นก่อตั้งในรูปแบบสตาร์ทอัพเมื่อปี 2562 และหลังจากนั้นมีพาร์ตเนอร์รายใหญ่ร่วมลงทุน เช่น บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน), บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน), บริษัท สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิ้ล จำกัด, บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งทำให้ชาร์จ แมเนจเม้นท์มีฐานการขยายตัว

พีระภัทรเปิดเผยว่า ปี 2565 นี้ SHARGE ประกาศเป้าจะขยายหัวชาร์จเพิ่มเป็น 600 แห่ง มีทั้งหมด 2,000-2,400 หัวชาร์จ โดยเน้นการเป็นผู้นำตลาดที่พักอาศัย ผ่านการเพิ่มความร่วมมือกับพาร์ตเนอร์เป็น 27 บริษัทภายในสิ้นปีนี้ และ 50 บริษัทภายในสิ้นปี 2568

SHARGE
เป้าหมายปี 2565

 

ติดตั้งในบ้าน-คอนโด ทั้งโครงการใหม่และเก่า

พีระภัทรกล่าวว่า เมื่อผู้ใช้เปลี่ยนจากรถสันดาปมาเป็นรถอีวี ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงวิธีเติมพลังงานด้วย เพราะเราสามารถนำหัวชาร์จไฟฟ้าเข้ามาติดตั้งในบ้านหรือสถานที่ใดก็ได้ ต่างจากน้ำมันที่จะต้องอยู่ในสถานีเฉพาะเท่านั้น

ดังนั้น ตลาด ‘Night’ จึงเป็นกลุ่มที่เติบโตก่อนและจะยังเป็นกุญแจหลักของการเติบโตในระยะแรก ตั้งเป้าเพิ่มหัวชาร์จเป็น 2,000 หัวในกลุ่มนี้สำหรับปีนี้

ปัจจุบัน SHARGE มีพาร์ตเนอร์ผู้ประกอบการอสังหาฯ ไม่ใช่แค่แสนสิริ แต่ร่วมมือกับสารพัดแบรนด์ เช่น พฤกษา, เอสซี แอสเสท, ไรมอนแลนด์, ศุภาลัย, พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟกต์ ฯลฯ ทำให้มีจำนวนหัวชาร์จติดตั้งไปแล้วกว่า 100 หัว มีลูกค้าที่เป็น active users ประมาณ 3,500 ราย

พาร์ตเนอร์ผู้ประกอบการอสังหาฯ

การติดตั้งดังกล่าว ไม่ใช่แค่การติดในโครงการใหม่ แต่เข้าไปติดตั้งในส่วนกลางหมู่บ้านเก่า คอนโดฯ เดิมที่ส่งมอบไปแล้ว โดยประสานงานกับบริษัทนิติบุคคล

ส่วนการติดตั้งกลุ่ม ‘Day’ บริษัทมีความร่วมมือแล้วหลายแห่งเช่นกัน สถานีที่ใหญ่ที่สุดจะอยู่ใน เซ็นทรัล เอ็มบาสซี นอกจากนี้มีในสถานที่สาธารณะต่างๆ เช่น สิงห์ คอมเพล็กซ์, SC ทาวเวอร์, ไบเทค บางนา, ทรู ดิจิทัล พาร์ค เป็นต้น โดยปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 100 หัวชาร์จในกลุ่มนี้

 

จับมือ “บางจาก” และ “กฟภ.” กระจายหัวชาร์จต่างจังหวัด

อีกส่วนที่น่าสนใจคือกลุ่ม On-the-go สถานีชาร์จระหว่างทางที่ครอบคลุมทั่วถึงคือความท้าทายและเป็นหนึ่งในปัจจัยการตัดสินใจซื้อรถอีวี ส่วนนี้พีระภัทรระบุว่าบริษัทมีความร่วมมือกับ บางจาก (หนึ่งในผู้ร่วมลงทุน) และพาร์ตเนอร์กับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ด้วยเพื่อขยายตัวในต่างจังหวัด

เบื้องต้นบริษัทมองเป้าหมายการติดตั้งหัวชาร์จ DC กลุ่ม On-the-go ทั้งในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และหัวเมืองต่างจังหวัดที่มีระยะทางห่างจากกรุงเทพฯ มากกว่า 200 กิโลเมตร ขณะนี้มีการติดตั้งแล้ว 6 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ, ปทุมธานี, เชียงใหม่, ชลบุรี, ประจวบคีรีขันธ์ และนครราชสีมา และตั้งเป้าปีนี้จะเพิ่มเป็น 200 หัวชาร์จในกลุ่มนี้

SHARGE ผนึกบางจากฯ ร่วมตั้งสถานี Quick SHARGE รองรับรถ EV
หัวชาร์จ On-the-go ที่ร่วมกับบางจากแห่งแรก ตั้งอยู่ในสถานีน้ำมันบางจาก สุขุมวิท 62

“เราจะขยายสถานี DC ให้มากขึ้น เพราะคาดว่าปีนี้จะเป็นปีแรกที่มีดีมานด์สูงจริงๆ ความต้องการชาร์จความเร็วสูงระหว่างเดินทางต่างจังหวัดจะมาจากรถที่เป็น BEV (ใช้ไฟฟ้า 100%) ซึ่งปีนี้จะมีรถยนต์ BEV บนถนนเมืองไทยถึง 5,000 คันอย่างแน่นอน และยอดขายสะสมอาจไปแตะ 10,000 คันได้ในสิ้นปีนี้ ต้องจับตายอดขายในงานมอเตอร์โชว์ที่กำลังจะมาถึง” พีระภัทรกล่าว

 

นำร่องลูกค้าขนส่งกับ “เรือด่วนเจ้าพระยา”

พีระภัทรกล่าวต่อว่า อีกส่วนที่สำคัญและเป็นโซลูชันใหม่ปีนี้ของ SHARGE คือ Fleet กลุ่มนี้มีการเซ็นดีลไปให้บริการ “เรือด่วนเจ้าพระยา” ที่เป็นเรือไฟฟ้าเรียบร้อยแล้ว

โดยกลุ่ม Fleet นี้บริษัทต้องการเข้าไปแก้ปัญหาต้นทุนการลงทุนสูง หากเจ้าของฟลีทพาหนะต้องลงทุนสถานีและหัวชาร์จ รวมถึงระบบบริหารจัดการเอง ดังนั้น SHARGE จะติดตั้งให้ แต่เก็บเกี่ยวรายได้จากการขายไฟฟ้า และบริการหลังบ้านในการตรวจสอบค่าการใช้พลังงาน

SHARGE
“พีระภัทร ศิริจันทโรภาส” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SHARGE)

เป้าหมายปี 2568 ของชาร์จ แมเนจเม้นท์ ต้องการมีรายได้สะสม 5 ปี (2564-2568) รวม 3,000 ล้านบาท ซึ่งพีระภัทรระบุว่าขณะนี้บริษัททำได้ 25% ของเป้าแล้ว และมองวิสัยทัศน์ระยะยาว Fleet จะเป็นคีย์สำคัญถึง 50% ของรายได้บริษัท

 

ตลาดแมสเริ่มแล้ว – วอนรัฐสนับสนุน “มิเตอร์”

ด้านการเติบโตของ “รถอีวี” ในไทย พีระภัทรมองว่า เดิมตลาดเริ่มจากกลุ่มรถหรูก่อน ไม่ว่าจะเป็น Audi, Porsche, Mercedes-Benz แต่ปี 2565 เห็นได้ชัดว่าตลาดแมสออกสตาร์ทแล้ว จากการเข้ามาของค่ายจีน เช่น MG, GWM และเชื่อว่าปี 2566 จะยิ่งเป็นกระแสในวงกว้าง เพราะค่ายญี่ปุ่น เช่น Toyota, Honda จะออกรถอีวีเพิ่มขึ้น

“คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ด EV) ตั้งเป้าให้มีการใช้รถยนต์ไฟฟ้าทุกประเภทรวม 1.05 ล้านคันภายในปี 2568 ผมคิดว่าตัวเลขนี้อาจจะน้อยไปด้วยซ้ำ”

ขณะนี้รัฐเริ่มการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว ด้วยการอุดหนุนทางภาษี แต่พีระภัทรก็ยังเห็นว่ามีส่วนอื่นๆ ที่รัฐควรสนับสนุนเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็น โครงสร้างพื้นฐานสายส่งไฟฟ้าที่เข้าถึงทุกแห่งมากขึ้น และส่งเสริมการติดตั้งมิเตอร์ที่ 2 สำหรับชาร์จรถอีวีโดยเฉพาะ รวมถึงการขอลดค่าไฟสำหรับชาร์จรถอีวีที่ถูกลง