‘โจ ไบเดน’ อัดฉีด 3 พันล้านดอลลาร์ เป็นเงินทุนหนุน ‘ผลิตแบตเตอรี่’ รถยนต์ไฟฟ้า

Photo : Shutterstock
ย้อนไปช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ปักเป้าที่จะเป็น ผู้นำ ในเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า พร้อมประกาศเป้าหมายภายในปี 2030 ผลักดันให้รถยนต์ใหม่ในสหรัฐฯ 50% เป็นยานยนต์ไฟฟ้า ล่าสุด ไบเดนก็ได้อัดฉีดงบกว่า 3 พันล้านดอลลาร์ หรือกว่า 1 แสนล้านบาท เพื่อเป็นเงินทุนในการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า

สำหรับกองทุนดังกล่าวจะได้รับการจัดสรรโดย กระทรวงพลังงาน จากร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนลงนามเมื่อปีที่แล้ว โดยงบดังกล่าวจะใช้เพื่อแปรรูปแร่ธาตุเพื่อใช้ในแบตเตอรี่ความจุสูง และการรีไซเคิลแบตเตอรี่ เป็นต้น

กองทุนดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในแผนของไบเดน ที่ต้องการให้ภายในปี 2030 ยอดขายรถยนต์ 50% ในสหรัฐฯ เป็นรถยนต์ไฟฟ้า และมีเป้าหมายที่จะส่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับสหภาพแรงงานในสหรัฐฯ รวมถึงขัดขวางการแข่งขันของจีนในตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพื่อช่วยลดสภาวะโลกร้อน

“ไบเดน” ตั้งเป้าปี 2030 รถใหม่ในสหรัฐฯ 50% ต้องเป็น “รถยนต์ไฟฟ้า”

“ในขณะที่เราเผชิญกับการปรับขึ้นราคาน้ำมันและก๊าซของรัสเซีย สิ่งสำคัญที่ต้องทราบด้วยว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะมีราคาถูกกว่าการเดินทางระยะไกลสำหรับครอบครัวชาวอเมริกัน” Mitch Landrieu ผู้ประสานงานโครงสร้างพื้นฐานของทำเนียบขาว กล่าว

ด้าน Ford ได้ออกมายินดีกับประกาศ โดยระบุว่า “การลงทุนนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับซัพพลายเชนด้านแบตเตอรี่ในประเทศของเรา สร้างงาน และช่วยให้ผู้ผลิตในสหรัฐฯ แข่งขันกันในเวทีโลก เรามีโอกาสเป็นเจ้าของเทคโนโลยีนี้ในสหรัฐฯ และการลงทุนอย่างที่ประกาศในวันนี้จะช่วยให้เราไปถึงที่นั่น” สตีเวน โครลีย์ ที่ปรึกษาทั่วไปของฟอร์ด กล่าว

อย่างไรก็ตาม เงินทุนดังกล่าวจะไม่ไปนำสู่การพัฒนาเหมืองในประเทศแห่งใหม่เพื่อผลิตลิเธียม นิกเกิล โคบอลต์ และแร่ธาตุที่มีความต้องการสูงอื่น ๆ ที่จำเป็นในการผลิตแบตเตอรี่เหล่านั้น เนื่องจากโครงการบางโครงการเผชิญกับการคัดค้านในท้องถิ่นและเชื่อมโยงกับการทบทวนด้านสิ่งแวดล้อมและกฎหมายของไบเดน

Source