“ศุภาลัย” เปิดหมู่บ้านสไตล์อิตาลีใน “เชียงใหม่” ดึงรีเทลท้องถิ่น “กาดฝรั่ง” ขึ้นสาขา

ตลาดต่างจังหวัดยังไปได้ดี ศุภาลัยปี 2565 เปิดหน้าดิน 172 ไร่ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ “ศุภาลัย ทัสคานี วัลเล่ย์” หมู่บ้านหรูที่ออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมอิตาลี พร้อมจับมือกับพาร์ทเนอร์เชิงกลยุทธ์ “กาดฝรั่ง” ขึ้นบูทีค ไลฟ์สไตล์ มอลล์สาขาใหม่ด้านหน้าโครงการ

“ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม” ประธานกรรมการบริหาร และ “ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ร่วมกันแถลงเปิดโครงการหมู่บ้านขนาดใหญ่ที่สุดที่ศุภาลัยเคยพัฒนาในเชียงใหม่ “ศุภาลัย ทัสคานี วัลเล่ย์” บนถนนโชตนา (ตรงข้ามสนามกอล์ฟซัมมิท กรีน วัลเล่ย์) ที่ดินรวม 172 ไร่ หากพัฒนาครบทั้งโครงการจะมีมูลค่ารวมราว 3,800-4,000 ล้านบาท

อุโมงค์ต้นไม้ ด้านหน้าโครงการศุภาลัย ทัสคานี วัลเล่ย์

ศุภาลัย ทัสคานี วัลเล่ย์ แบ่งที่ดินพัฒนาออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่

1)โครงการศุภาลัย เบลล่า ดอนแก้ว-แม่ริม บ้านแฝดและบ้านเดี่ยว พื้นที่ 38 ไร่ แบ่งแปลง 218 แปลง ราคาบ้านแฝดเริ่ม 3.4 ล้านบาท ราคาบ้านเดี่ยวเริ่ม 4.3 ล้านบาท เปิดขายเมื่อช่วงต้นปี 2565

2)โครงการศุภาลัย ทัสคานี ดอนแก้ว-แม่ริม บ้านเดี่ยว 2-3 ชั้น พื้นที่ 92 ไร่ แบ่งแปลง 370 แปลง ราคาเริ่ม 4.99-16 ล้านบาท เตรียมเปิดขายวันที่ 28-29 พ.ค. 2565

3)พื้นที่โครงการในอนาคต เนื้อที่ประมาณ 30-40 ไร่

(ทั้งนี้ มีพื้นที่ส่วนกลางบริเวณคลับเฮาส์และสระว่ายน้ำอยู่ประมาณ 2 ไร่)

ศุภาลัย เชียงใหม่ กาดฝรั่ง
แผนที่การแบ่งที่ดินในโครงการศุภาลัย ทัสคานี วัลเล่ย์ เชียงใหม่

โครงการนี้เป็นการออกแบบพิเศษจากบริษัท เนื่องจากทำเลที่ดินมีวิวเทือกเขาโอบล้อมคล้ายกับแคว้นทัสคานีในอิตาลี ทำให้เลือกออกแบบในสไตล์อิตาลีที่เข้ากับภูมิประเทศ

โดยไตรเตชะระบุว่า โครงการได้รับความสนใจดี แม้ยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการแต่มียอดจองโครงการแล้ว 200 ล้านบาท โดยเฉพาะโครงการศุภาลัย ทัสคานี ดอนแก้ว-แม่ริม ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ มีกลุ่มลูกค้าจากกรุงเทพฯ จำนวนมากสนใจซื้อเพื่อเป็นบ้านพักตากอากาศหรือบ้านพักหลังเกษียณ เชื่อว่าโครงการนี้อาจมีลูกค้าจากกรุงเทพฯ มากถึง 50% ของยอดขาย จากปกติจะมีสัดส่วน 10-15%

“ทัสคานี วัลเล่ย์จะเป็นโครงการชูโรงในเชียงใหม่ของศุภาลัย จากการเสนอการออกแบบที่แปลกใหม่ในทำเล” ดร.ประทีปกล่าว

ไทป์บ้าน Montana ฟังก์ชันแบบ 5 ห้องนอน ไทป์นี้ราคาเริ่ม 13.58 ล้านบาท
คลับเฮาส์ของโครงการ ออกแบบสไตล์อิตาลี

 

ดึง “กาดฝรั่ง” ขึ้นสาขาใหม่ ช่วยเสริมความคึกคักให้พื้นที่

ด้านหน้าโครงการศุภาลัย ทัสคานี วัลเล่ย์ จะมีการก่อสร้างบูทีค ไลฟ์สไตล์ มอลล์ “เดอะ กาดฝรั่ง แม่ริม” อีกด้วย โดยเป็นสาขา 2 ของกาดฝรั่ง หลังจากประสบความสำเร็จในสาขาแรกที่กาดฝรั่ง วิลเลจ หางดง

ไตรเตชะอธิบายถึงการเฟ้นหาพาร์ทเนอร์เชิงกลยุทธ์เป็นกลุ่มรีเทลเข้ามาเปิดด้านหน้าโครงการ เนื่องจากพื้นที่แม่ริมแม้เป็นทำเลที่เริ่มมีความเจริญเข้ามาบ้างแล้ว แต่ยังไม่เพียงพอตอบสนองลูกค้า ทำให้ต้องมีรีเทลด้านหน้าโครงการเป็นแหล่งทานอาหาร ไลฟ์สไตล์ที่มีคุณภาพ เพื่อช่วยให้ลูกค้ารู้สึกสะดวกสบายมากขึ้น

เดอะ กาดฝรั่ง แม่ริม เตรียมเปิดบริการไตรมาสแรกปี 2566
เดอะ กาดฝรั่ง แม่ริม เตรียมเปิดบริการไตรมาสแรกปี 2566
บรรยากาศจำลองในโครงการเดอะ กาดฝรั่ง แม่ริม

การออกแบบโครงการเดอะ กาดฝรั่ง แม่ริม จะเกื้อกูลกันกับหมู่บ้าน ร้านค้าที่จะเป็นแม่เหล็กดึงดูดในโครงการจะคัดให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้า ขณะนี้มีร้านที่ยืนยันเช่าพื้นที่แล้ว เช่น Starbucks, McDonald’s โครงการกาดฝรั่งจะแล้วเสร็จช่วงไตรมาสแรกปี 2566

 

เป้ายอดขาย “ต่างจังหวัด” คาดทะลุ 12,000 ล้าน

ศุภาลัยนั้นถือเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์จากกรุงเทพฯ ที่ออกไปพัฒนาโครงการในต่างจังหวัดมากที่สุด และปี 2565 จะยิ่งเห็นได้ชัดถึงความสำคัญของตลาดภูมิภาคต่อการเติบโตของบริษัท เนื่องจากจะมีการเปิดตัวโครงการต่างจังหวัดมากกว่าในกรุงเทพฯ

รวมถึงยอดขายจากต่างจังหวัดจากเฉลี่ยปีละ 10,000 ล้านบาท ปีนี้ไตรเตชะคาดว่าน่าจะทะลุ 12,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 43% ของเป้ายอดขายรวมปี 2565 ของศุภาลัย

แน่นอนว่า Top 5 ต่างจังหวัดที่ทำยอดขายได้ดีที่สุดต้องมี “เชียงใหม่” อยู่ในโผ ร่วมกับจังหวัดใหญ่ๆ อย่างชลบุรี ระยอง ภูเก็ต และสงขลา

สำหรับตลาดเชียงใหม่นั้นถือเป็นตลาดสำคัญของศุภาลัย เพราะขณะนี้เปิดสะสมไปแล้ว 15 โครงการ ไตรเตชะยังกล่าวด้วยว่า เชียงใหม่ถือเป็นตลาดที่ท้าทายมาก เพราะมีบริษัทท้องถิ่นที่แข็งแรง ทำต้นทุนราคาได้ดี ทำให้ศุภาลัยจะนำเสนอแบรนด์ในแง่คุณภาพและการออกแบบเป็นหลัก

รวมถึงมีการผูกมิตรกับชุมชนรอบข้าง ในส่วนนี้ “สายชล ลืมขำ” ผู้อำนวยการฝ่าย สายงานโครงการภูมิภาค 4 บมจ.ศุภาลัย ยกตัวอย่างในโครงการทัสคานี วัลเล่ย์ ได้ลงทุนบูรณะศาลเจ้าที่และแบ่งที่ดินตัดถนนสาธารณะให้กับชาวบ้าน รวมถึงทำทางน้ำไหลผ่านที่ดินโครงการจากภูเขาลงสู่แปลงนาของชาวบ้านได้ดังเดิม

ในแง่ของกำลังซื้อเชียงใหม่ในช่วงโควิด-19 แม้จะชะลอตัวลง แต่ไม่มากเท่ากับจังหวัดอื่นที่พึ่งพิงการท่องเที่ยวมากกว่า และเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวแล้วในช่วงครึ่งปีหลัง 2564