“สิงห์ เอสเตท” ขยับเซ็กเมนต์ “บ้านเดี่ยว” ลงมาจับกลุ่ม 10 ล้าน วางโมเดล “สร้างเสร็จก่อนขาย”

สันติบุรี เรสซิเดนซ์
ไม่ได้มีแต่คฤหาสน์อีกต่อไป! “สิงห์ เอสเตท” ประกาศแผนธุรกิจใหม่ในกลุ่มธุรกิจที่อยู่อาศัย 5 ปีเปิดโครงการรวมมูลค่า 52,000 ล้านบาท เทพอร์ตให้โครงการ “บ้านเดี่ยว” โดยกระจายเซ็กเมนต์ตั้งแต่ระดับ 10 ล้านบาทขึ้นไป จากที่เคยมีเฉพาะบ้านหรูหลักร้อยล้าน พร้อมวางโมเดลธุรกิจ “บ้านสร้างเสร็จก่อนขาย” ตอบโจทย์ลูกค้าต้องการเข้าอยู่ทันที

ย้อนไปเมื่อปี 2558 บมจ.สิงห์ เอสเตท เคยเข้าซื้อหุ้น 51% ในบริษัท เนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทที่พัฒนาโครงการแนวราบอยู่แล้ว ทำให้สิงห์ เอสเตทจะได้บริษัทย่อยมาทำธุรกิจส่วนนี้ ขณะที่บริษัทแม่จะพัฒนาโครงการแนวสูงเป็นหลัก

แต่การร่วมทุนไม่เป็นดังแผน ทำให้ทั้งสองบริษัทแยกทางกันในช่วงปลายปี 2563 สิงห์ เอสเตทขายหุ้นในเนอวานา ไดอิออกทั้งหมด และบริษัทหันมาจัดทัพลุยงานโครงการแนวราบด้วยตนเอง เป็นที่มาของแผนใหม่และแบรนด์ใหม่ที่บริษัทจะเริ่มต้นตั้งแต่ปีนี้

“ณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจพักอาศัย บมจ.สิงห์ เอสเตท

“ณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจพักอาศัย บมจ.สิงห์ เอสเตท กางแผนเรื่องตัวเลขของกลุ่มธุรกิจที่พักอาศัยในรอบ 5 ปีข้างหน้า (2565-69) ไว้ดังนี้

  • ลงทุนโครงการมูลค่ารวม 52,000 ล้านบาทภายใน 5 ปี โดยแบ่งสัดส่วนเป็นแนวราบ 75% และคอนโดมิเนียม 25%
  • เป้ารายได้รวม 34,000 ล้านบาทใน 5 ปี โดยรายได้แต่ละปีจะค่อยๆ เติบโตขึ้น จนรายได้ต่อปีทะลุ 10,000 ล้านบาทภายในปี 2569
  • รายได้ในปี 2569 จะคิดเป็นสัดส่วนราว 35% ของกลุ่มสิงห์ เอสเตททั้งหมด

สิงห์ เอสเตท บ้านเดี่ยว

ดังที่กล่าวไปว่าก่อนหน้านี้สิงห์ เอสเตทเน้นพัฒนาคอนโดฯ เป็นหลัก โดยโครงการแนวราบเคยพัฒนาเพียงโครงการเดียวคือ สันติบุรี เรสซิเดนซ์ ซึ่งเป็นโครงการคฤหาสน์สุดหรูราคาหลังละ 200-300 ล้านบาท จำนวน 25 หลัง และปัจจุบันปิดการขายแล้วทั้งหมด ทำให้ความท้าทายต่อจากนี้คือการเปิดตลาดแนวราบเต็มตัวด้วยตนเอง

 

3 เซ็กเมนต์ “บ้านเดี่ยว” เข้าถึงได้ ลักชัวรี และซูเปอร์ลักชัวรี

ณัฐวุฒิแจกแจงว่าบริษัทจะกระจายเซ็กเมนต์ออกไปเป็น 3 กลุ่ม โดยทั้งหมดจะเป็นโครงการ “บ้านเดี่ยว” ได้แก่

  • ซูเปอร์ลักชัวรี ราคา 50-100 ล้านบาท แบรนด์ใหม่ “ศิรนินทร์ เรสซิเดนซ์”
  • ลักชัวรี ราคา 20-50 ล้านบาท แบรนด์ใหม่เปิดตัวปี 2566
  • เข้าถึงได้ ราคา 10-20 ล้านบาท แบรนด์ใหม่เปิดตัวปี 2566
สิงห์ เอสเตท บ้านเดี่ยว
“ศิรนินทร์ เรสซิเดนซ์ พัฒนาการ” ทำเลในซอยพัฒนาการ 32

โดยปีนี้จะประเดิมด้วยโครงการ “ศิรนินทร์ เรสซิเดนซ์ พัฒนาการ” ก่อนเป็นแห่งแรก โครงการนี้อยู่ในระดับซูเปอร์ลักชัวรี ราคาขาย 65-120 ล้านบาท ทำเลตั้งอยู่ในซอยพัฒนาการ 32 และมีเพียง 32 หลัง มูลค่าโครงการ 2,900 ล้านบาท เตรียมเปิดตัวไตรมาส 3/65

“โครงการนี้ส่วนหนึ่งจะรองรับลูกค้าจากสันติบุรี เรสซิเดนซ์ที่มีกำลังซื้อ แต่อาจจะไม่ได้มีความต้องการบ้านหลังใหญ่ในระดับนั้น” ณัฐวุฒิกล่าว

ปี 2565 สิงห์ เอสเตทจะเปิดเพียงโครงการเดียวคือโครงการดังกล่าว แต่ปี 2566 เป็นต้นไป บริษัทจะเริ่มลุยเต็มที่ โดยปีหน้ามีที่ดินและแผนพัฒนาแล้ว 4 โครงการ แบ่งเป็นระดับลักชัวรี 2 โครงการ และระดับเข้าถึงได้ 2 โครงการ มูลค่าประมาณ 2,000-4,000 ล้านบาทต่อโครงการ

ปีนี้จะยังไม่เห็นสิงห์ เอสเตทกลับมาพัฒนาคอนโดฯ เนื่องจากตลาดยังไม่เหมาะสม (ภาพจาก โครงการ ดิ เอส สุขุมวิท 36)

ด้านโครงการคอนโดฯ ณัฐวุฒิมองว่าตลาดยังไม่เหมาะสมที่จะเปิดโครงการใหม่ “ต้องยอมรับว่าผู้ซื้อต่างชาติในบ้านเราก็คือคนจีน เมื่อคนจีนยังกลับมาไม่ได้ ตลาดคอนโดฯ ก็ยังฟื้นยาก ถามว่าเมื่อไหร่จะดีขึ้น? อาจต้องรอหลังการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนในช่วงปลายปีนี้ และดูว่านโยบายจะเป็นอย่างไร แต่ความเป็นไปได้ที่จีนจะเปิดประเทศอย่างเร็วก็น่าจะเป็นปีหน้า ทำให้เรากำลังตัดสินใจอยู่ว่าปีหน้าจะมีการพัฒนาคอนโดฯ ของบริษัทหรือไม่”

 

จุดขาย “บ้านสร้างเสร็จ” – ฟังก์ชัน พริวิลเลจจากสิงห์

อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจของสิงห์ เอสเตทคือจะใช้โมเดล “บ้านสร้างเสร็จก่อนขาย” ทำให้โครงการศิรนินทร์ เรสซิเดนซ์ พัฒนาการ จะเริ่มขายและโอนได้ในปีนี้ทันที ส่วนโครงการอื่นๆ ที่จะเปิดตัวปีหน้า ขณะนี้มีที่ดินและกำลังพัฒนาแบบแล้ว

เหตุที่สิงห์ใช้วิธีขายแบบนี้ มาจากการเรียนรู้ตลาดในระดับลักชัวรี ปรากฏว่าลูกค้าไม่ต้องการรอการก่อสร้าง เพราะจะเข้าอยู่ทันที และกังวลว่าการก่อสร้างจะดีเลย์หากบ้านยังสร้างไม่เสร็จ

“เชื่อว่ามีคน 70-80% ที่ชอบการซื้อบ้านแบบนี้ คือสร้างเสร็จเลย พร้อมตกแต่งย้ายเข้า ด้านสินเชื่อบ้านก็สะดวกกว่า ตอนนี้การเงินพร้อมก็ขอสินเชื่อได้เลย ไม่ต้องลุ้นว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงทางการเงินไหมกว่าจะถึงวันที่บ้านเสร็จ ดังนั้น เราจะทำบ้านสร้างเสร็จก่อนขายในทุกเซ็กเมนต์” ณัฐวุฒิกล่าว

สิงห์ เอสเตท บ้านเดี่ยว

ส่วนการรุกตลาดบ้านเดี่ยวของสิงห์ เอสเตทจะใช้จุดขายในแง่การออกแบบและบริการต่างๆ ที่เน้นชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของลูกบ้าน เช่น นำสายไฟฟ้าลงดินเพื่อความปลอดภัย, เดินไฟรองรับ EV Charger, เทคโนโลยีก่อสร้างเพื่อลดความร้อนในบ้าน กรองอากาศบริสุทธิ์ และกรองน้ำสะอาด, เก็บต้นไม้ใหญ่ที่มีอยู่เดิมในพื้นที่ไว้, ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป, เปลี่ยนลมร้อนจากคอมเพรสเซอร์แอร์นำมาใช้เป็นพลังงานในเครื่องทำน้ำอุ่น, ระบบบำบัดน้ำจากบ้านเรือนมาใช้ในพื้นที่ส่วนกลาง ฯลฯ

รวมถึงใช้พลังของการอยู่ในเครือสิงห์ มีพริวิลเลจให้กับลูกบ้าน “S Life Privilegesจากธุรกิจอื่นๆ ทั้งธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร กิจกรรม ความบันเทิง เช่น สนามกอล์ฟ สิงห์ปาร์ค คอนเสิร์ตที่สิงห์ร่วมเป็นสปอนเซอร์ เป็นต้น