จบไปแล้วสำหรับแมตช์ประวัติศาสตร์ในรอบ 100 ปี ที่สองสโมสรระดับ Top ของโลกอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล ได้เจอกันนอกเกาะอังกฤษ และนับเป็นแดงเดือดครั้งแรกในเอเชียและในประเทศไทยอีกด้วย อย่างไรก็ตาม นอกจากความยิ่งใหญ่ของงาน การแข่งขันที่เข้มข้นและผลสกอร์ที่เกินคาด อีกสิ่งที่เหล่าแฟนบอล (และไม่ใช่แฟนบอล) จะจดจำไปอีกนานคงจะหนีไม่พ้น ดราม่า ที่เกิดตั้งแต่ก่อนแข่งยันจบการแข่งขัน อีกทั้งยังมีสารพัดมีมขำ ๆ ที่เกิดขึ้น โดยทาง Positioning จะสรุปรวมทุกดราม่าใน The Match กันว่ามีอะไรบ้าง
ตั๋วแพงยิ่งกว่าดูที่อังกฤษ
ย้อนไปเมื่อวันที่ 2 เมษายน ถือเป็นวันแรกของการเปิดจำหน่ายบัตรเข้าชมการแข่งขันฟุตบอล ‘ศึกแดงเดือด’ THE MATCH: Bangkok Century Cup 2022 ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปะทะ ลิเวอร์พูล โดยจะเป็นการเตะช่วงพรีซีซั่น ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2565 ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน ประเทศไทย โดยบัตรเข้าชมการแข่งขันได้จัดจำหน่ายผ่าน Thaiticketmajor โดยมีจำหน่ายทั้งหมด 7 ราคา คือ 5,000 / 7,000 / 12,000 / 15,000 / 20,000 / 22,000 และ 25,000 บาท รวมความจุทั้งหมด 60,000 ที่นั่ง
หลังจากเปิดราคามาก็มีเสียงบ่นว่า ตั๋วแพง เพราะถ้าเทียบราคากับศึกแดงเดือดในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ โดยราคาเริ่มต้นที่ 2,000 บาท จนถึง 20,000 บาท ซึ่งเป็นตั๋วแบบ Hospitality มีรถรับส่ง มีอาหารให้กิน 1 มื้อ แต่แน่นอนว่าถ้าแค่เทียบที่ราคาคงไม่ได้ เพราะถึงตั๋วในอังกฤษราคาไม่แพงแต่ก็ไม่ได้หาซื้อได้ง่าย ๆ อีกทั้งถ้าจะเดินทางไปชมเองก็คงต้องเสียมากกว่านี้แน่นอน
ดึง แจ็คสัน หวัง โชว์เปิดเพราะตั๋วขายไม่หมด?
หลังจากที่เปิดจำหน่ายตั๋ว มีข่าวออกมาว่าแม้ว่าภายในวันแรกที่เปิดจำหน่าย ตั๋วโซนราคา 25,000 / 12,000 / 7,000 และ 5,000 บาท ถูกจำหน่ายหมดแล้ว เหลือบัตรโซนราคา 20,000 และ 15,000 บาท จากนั้นวันที่ 9 มิถุนายน ก็มีประกาศบิ๊กเซอร์ไพรส์ว่า แจ็คสัน หวัง ศิลปินชื่อดังแห่งวง GOT7 จะมาแสดงเปิดเกมแดงเดือดเป็นเวลา 1 ชั่วโมงเต็ม
แน่นอนว่าในโลกกีฬา การมีศิลปินมาแสดงโชว์เปิดงานหรือคั่นระหว่างพัก ถือเป็นเรื่องปกติ อย่างนัดชิงแชมเปี้ยนส์ลีกปี 2022 ก็ได้ Camila Cabello มาขึ้นโชว์เพื่อเป็นสีสันก่อนแข่งขัน แต่กับ The Match นี้ หลายคนมองว่าการใช้แจ็คสัน หวังมาแสดงเปิดเกมไม่น่าใช่ เซอร์ไพรส์ แต่ต้องการดึงให้เหล่า อากาเซ่ หรือแฟนคลับ GOT7 มาซื้อบัตรเข้าชมที่เหลือ เนื่องจาก บัตรขายไม่หมด มากกว่า
อย่างไรก็ตาม ทาง เสี่ยวินิจ เลิศรัตนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล จำกัด ออกมากล่าวเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า การจัดคอนเสิร์ตขึ้นในงานเดอะแมตช์ ไม่ใช่เพิ่งคิด แต่คิดมาตั้งแต่เริ่มจะจัดการแข่งขันครั้งนี้แล้ว และก่อนที่จะมาลงตัวที่แจ็คสัน หวัง ชื่อของ ลิซ่า แบล็กพิงก์ และ วงคาราบาว ก็ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือก แต่ด้วยช่วงเวลาต่าง ๆ มาลงตัวที่แจ็คสัน หวัง
ดราม่าจริงเริ่มที่พิมรี่พาย
ไม่ว่าจะเป็นเสียงบ่นเรื่องตั๋วแพงหรือการดึงแจ็คสัน หวังมาเพื่อขายบัตรเหล่าอากาเซ่กลายเป็นแค่เรื่องน้ำจิ้ม เพราะดราม่าของจริงได้เริ่มต้นในช่วงค่ำคืนวันที่ 24 มิ.ย. พิมรี่พายได้ไลฟ์สด ขายตั๋วแดงเดือด ถ้าแค่ขายตั๋วคงไม่ดราม่า แต่ด้วยจำนวนตั๋วที่นำมาขายสูงถึง 2 หมื่นใบ แบ่งเป็นบัตร 20,000 บาท รวม 10,000 ใบ และ บัตร 15,000 บาท รวม 10,000 ใบ โดยหลายคนตั้งคำถามว่า “ไหน Thaiticketmajor จำกัดการซื้อแค่คนละ 4 ใบไง”
ไม่ใช่แค่จำนวนตั๋วในมือ แต่ยัง ลด 25% โดยบัตร 20,000 บาท ขาย 15,000 บาท บัตร 15,000 บาท ขาย 11,000 บาท อีกทั้งยังมีการ ขายบัตรชมซ้อม ทั้งที่บัตรเข้าชมการซ้อมจะเป็นการสุ่มจากผู้ที่ซื้อบัตรเข้าชมซะอย่างงั้น และที่ดราม่าไปอีกขั้นเพราะจะนอกจากได้ตั๋วราคาลดพิเศษ มีการขายบัตรซ้อม พิมรี่พายยังสุ่มจับเลขที่ออเดอร์เพื่อ ไปกินข้าวกับแจ็คสัน หวังและนักเตะเตะแมนยูฯ ลิเวอร์พูล อีกด้วย ซึ่งข้อนี้ทั้งแฟนบอลและแฟนคลับก็มองว่าเป็นการไม่ให้เกียรติศิลปินและนักเตะเลย
หลังจากดราม่าเกิดขึ้น เสี่ยวินิจก็ได้ออกมาชี้แจงว่า บัตรในส่วนที่พิมรี่พายเอาไปขาย คือ บัตรโควต้าของ 2 ทีมที่กันไว้ให้ทีมเอาไปขายแฟนบอลต่างประเทศ แต่บัตรเหลือตีกลับมาที่เฟรชแอร์ โดยบัตรส่วนนี้ ไม่ได้ถูกขายในระบบตั้งแต่แรก โดยทางพิมรี่พายติดต่อขอซื้อบัตรเอง และได้ขายให้ในราคาปกติ แต่พิมรี่พายไปจัดกิจกรรมเอง และเรื่องนัดกินข้าวตามข่าวนั้น ไม่เป็นความจริง
เรื่องเหมือนจะจบแค่นั้น แต่ก็ไม่จบเพราะทั้ง 2 สโมสรออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการว่า “สโมสรไม่เคยอนุมัติการขายบัตรรูปแบบดังกล่าว และไม่มีการรับประทานอาหารค่ำที่ผู้โชคดีจะได้พบกับนักเตะชุดใหญ่ของทีม” ซึ่งแถลงการณ์ของทั้งสองสโมสรนั้นขัดแย้งกับที่เสี่ยวินิจออกมาชี้แจง หลายคนจึงตีความว่า เสี่ยวินิจอาจให้พิมรี่พายช่วยขายตั๋วที่เหลือให้มากกว่า
แจกตั๋วฟรีโค้งสุดท้าย
หลังจากกระแสดราม่าเรื่องตั๋วจะซาลงไป แต่ก็กลับมีดราม่าอีกครั้งก่อนแข่งแค่ 1 วัน เนื่องจากบูธ แอดไวซ์ ไอที (Advice IT) ได้จำหน่าย ขายตั๋วลดราคา 50% สำหรับตั๋วราคา 7,000 บาท 12,000 บาท และ 15,000 บาท โดยทางแอดไวซ์ได้ระบุว่า “วางแผนมาแล้วเพื่อตอบแทนลูกค้าตั้งแต่แรกแล้ว”
แต่ดราม่าลด 50% ยังไม่ทันข้ามวัน มาวันที่ 12 ก.ค. แอดไวซ์ก็ได้ประกาศผ่าน Facebook เพจว่า แจกตั๋วแดงเดือดฟรีจำนวน 25 ใบ โดยตั๋วที่นำมาแจกนั้นเป็น ตั๋วที่ลูกค้าสละสิทธิ ดังนั้น จึงไม่อยากให้เกิดดราม่า ซึ่งหลังจากมีประกาศก็มีคนจำนวนมากไปต่อแถวบริเวณประตู 1 เพื่อรอรับตั๋วฟรี
ถ่ายทอดสดสะดุดเพราะ AIS Play ล่ม
นอกจากแฟนบอลจะสามารถรับชมการแข่งขันในสนามแล้ว ยังมีช่องทางรับชมอื่น ๆ จากสปอนเซอร์ ได้แก่ โรงภาพยนตร์ SF 47 สาขา รวมกว่า 30,000 ที่นั่ง โดยมีการจำหน่านแพ็กเกจเดี่ยวชมเฉพาะดูเกมแดงเดือดในราคา 500 บาท และแพ็กเกจคู่ชมคอนเสิร์ตแจ็คสัน หวังในราคา 900 บาท
อีกช่องทางคือ AIS Play สำหรับลูกค้า และดราม่าก็บังเกิดตรงนี้ เนื่องจากมีผู้ชมจำนวนมากจน แอปล่ม ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้แก่แฟนบอลที่รอชมจำนวนมากจนเกิดเป็นแฮชแท็ก #aisplay ขึ้นเทรนด์อันดับ 1 บนทวิตเตอร์ จนเอไอเอสต้องแก้ไขสถานการณ์โดยเพิ่มช่องทางการถ่ายทอดสดใช้ชมผ่านทาง www.ais.th/live รวมถึงได้ออกมาชดเชยลูกค้าในภายหลัง เช่น ยกเว้นค่าบริการและมอบอินเทอร์เน็ตและโทรฟรี
ถ้วยแชมป์ก็ดราม่า
ปิดฉากแดงเดือดด้วยดราม่าสุดท้าย ถ้วยแชมป์ เริ่มจาก ขนาดที่ใหญ่ โดยมีน้ำหนักถึง 20 กิโลกรัม ซึ่งชาวเน็ตหลายคนมองว่า มันใหญ่เกินไป แถมหน้าตายังไม่เหมือนถ้วยรางวัลอีกด้วย ซึ่งสาเหตุที่ขนาดถ้วยมันใหญ่ขนาดนี้ จริง ๆ แล้วมันใหญ่เพราะฐาน ที่ได้ สุเชาว์ เภาพงษ์ นักทำเคสคอมตั้งโต๊ะระดับโลกมาออกแบบฐาน (ซึ่งเป็นเคสคอมพิวเตอร์) ให้มีรูปลักษณ์เหมือนสนามราชมังฯ โดยมีโทรฟี่แชมป์ The Match วางอยู่ด้านใน
ซึ่งในตอนแรก ผู้ออกแบบไม่คิดว่าจะมอบให้พร้อมกับฐาน คิดว่าจะมอบแค่ถ้วย ส่วนฐานก็มีไว้ตั้งโชว์เฉย ๆ แต่ทางผู้จัดงานนั้นชอบผลงานดังกล่าวมาก จึงตัดสินใจเลือกมอบถ้วยพร้อมฐานไปเลย และนอกจากดราม่าเรื่องขนาดแล้ว ยังมีดราม่าว่า แชมป์ The Match อย่าง แมนยูฯ ไม่เอาถ้วยกลับไปด้วย โดยถูกวางไว้ที่ห้องนักข่าว
อย่างไรก็ตาม ทางผู้จัดก็ได้ออกมาชี้แจงว่า ไม่ใช่ไม่เอากลับ แต่ไม่สะดวก เพราะสโมสรต้องไปเตะพรีซีซั่นที่ออสเตรเลียต่อ ดังนั้น ทางผู้จัดก็เลยต้องใส่แพ็กเกจใส่กล่องให้เรียบร้อย แล้วส่งตามหลังไปให้ที่สโมสร เป็นอันจบดราม่าเรื่องการทิ้งโทรฟี่ไว้ไทย
มีมขำ ๆ ก่อนแดงเดือด
นอกจากดราม่าแล้ว ยังมีมีมขำ ๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากที่ทั้ง 2 สโมสรมาถึงไทยอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น การนั่งบน ถังน้ำแข็ง ของกัปตันทีมแมนยูฯ อย่าง แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ที่หลายคนชอบแซวว่าเป็น นักเตะสายคอนเทนต์ ที่ไม่ว่าจะขยับตัวทำอะไรมักจะถูกแซวเสมอ เหมือนกับภาพที่กำลังนั่งชิล ๆ อยู่บนลังน้ำแข็งจนชาวเน็ตชี้ว่า นี่มัน Soft Power ของไทยชัด ๆ
หรืออย่างฝั่งลิเวอร์พูลเองก็มีมีมฮา ๆ เมื่อนักเตะเลือกขึ้นรถบัส ต้อม เสริมยนต์ คันสีขาวที่ไม่ได้ตกแต่งโลโก้ของสโมสร ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากความเข้าใจผิด แต่เพราะนักเตะขึ้นไปจับจองที่นั่งแล้วจึงต้องปล่อยเลยตามเลย แต่ก็ถือเป็นโมเมนต์น่ารักเพราะเหล่านักเตะได้โบกมือทักทายแฟนบอลแบบชัด ๆ ผ่านกระจกกันเลยทีเดียว
นอกจากนี้ก็มีเรื่องราวขำ ๆ เช่น Official Page Liverpool FC ได้โชว์ภาพ ติอาโก้ อัลคันทาร่า นักเตะชื่อดังของลิเวอร์พูลที่สวมกางเกงมวยไทยพร้อมแคปชั่น ติอาโก้น้อย ศิษย์หงส์แดง หรือ อารอน วาน-บิสซาก้า นักเตะแมนยูฯ ได้โพสต์ IG ขอบคุณคนไทยที่มาเชียร์ศึกแดงเดือด แต่ดังลงรูปธงชาติผิดเป็นของ คอสตา ริก้า ในแคปชั่น หรือโมเมนต์น่ารัก ๆ เมื่อแจ็คสัน หวัง หยิบเปเปอร์ชู้ตที่ติดหัว เอริค เทนฮาก กุนซือคนใหม่ของแมนยูฯ
แม้จะมีดราม่ามากมาย แต่สุดท้าย The March ก็ปิดฉากลงด้วยดี โดยมีจำนวนผู้ชม 50,248 คน มีเซอร์ไพรส์ช่วงโชว์ของแจ็คสัน หวัง ที่ได้น้อง มิลลิ ดนุภา (MILLI) แร็ปเปอร์สาวชาวไทยมาร่วมแจม ขณะที่แฟนบอลก็เต็มอิ่มคุ้มค่าการรอคอย เพราะนอกจากจะได้พบกับนักเตะจากทีมรัก ยังได้ชมการแข่งขันที่เข้มข้นด้วยชัยชนะของแมนยูฯ ด้วยสกอร์ 4-0 อย่างไรก็ตาม The Match ก็จะเป็นบทเรียนสำคัญให้กับผู้จัดงานและสปอนเซอร์ว่าหากคิดจัดงานใหญ่ต้องเตรียมพร้อมและเตรียมใจกับอะไรบ้าง