บังคับเปลี่ยน! “แคลิฟอร์เนีย” จะเป็นรัฐแรกของสหรัฐฯ ที่แบนการขาย “รถยนต์ใช้น้ำมัน” เริ่มปี 2035

รถติดบนทางหลวงเมืองซานดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย (Photo: Shutterstock)
นับถอยหลังอีก 13 ปี “แคลิฟอร์เนีย” จะเป็นรัฐแรกของสหรัฐอเมริกาที่แบนการขาย “รถยนต์ใช้น้ำมัน” คันใหม่ เพื่อบีบให้อุตสาหกรรมรถยนต์เปลี่ยนมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด สอดคล้องกับกฎหมายอากาศสะอาดของประเทศ โดยคาดว่าจะมีอีก 15 รัฐที่ทยอยออกกฎหมายแบบเดียวกับแคลิฟอร์เนียเร็วๆ นี้

รัฐแคลิฟอร์เนีย รัฐที่มีประชากรมากที่สุดของสหรัฐอเมริกาและเป็นรัฐที่นิยมใช้รถมากที่สุด ออกกฎหมาย “แบนการขายรถยนต์ใช้น้ำมัน” คันใหม่ตั้งแต่ปี 2035 ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของสหรัฐฯ เพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ

ทั้งนี้ กฎหมายดังกล่าวจะมีผลเฉพาะการขายรถยนต์สันดาป ‘ใหม่’ ไม่มีผลต่อรถยนต์สันดาปที่มีอยู่แล้วในตลาด ประชาชนยังสามารถครอบครอง ใช้งาน และซื้อขายต่อรถยนต์สันดาปในตลาดรถมือสองได้ปกติ

รวมถึงอุตสาหกรรมรถยนต์จะยังได้รับอนุญาตให้จำหน่ายรถประเภท “ปลั๊กอินไฮบริด” ซึ่งยังมีตัวเครื่องยนต์สันดาปอยู่ เป็นสัดส่วนสูงสุด 20% ของยอดขาย

Photo : Shutterstock

ด้านการทยอยปรับเปลี่ยนมาขายรถยนต์พลังงานสะอาด กฎหมายมีการกำหนดเป็นเฟสๆ ไป โดยภายในปี 2026 บริษัทรถจะต้องเปลี่ยนมาขายรถยนต์ไฟฟ้าหรือไฮโดรเจนไม่ต่ำกว่า 35% ของยอดขาย ตัวเลขนี้จะปรับขึ้นเป็น 68% ภายในปี 2030 และกลายเป็น 100% ในปี 2035 (รวมรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดแล้ว)

ณ ปี 2022 รัฐแคลิฟอร์เนียมีสัดส่วนรถยนต์ขายใหม่ที่เป็นรถยนต์ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์อยู่ที่กว่า 16% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีสัดส่วน 12.41%

 

แคลิฟอร์เนียต้องการลดมลพิษโดยด่วน

กฎหมายนี้ออกโดย คณะกรรมาธิการด้านทรัพยากรทางอากาศแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นการออกกฎเพื่อเร่งบริษัทยานยนต์ต่างๆ ให้ผลิตรถยนต์ที่ลดการปล่อยมลภาวะออกมาให้เร็วขึ้น

การคมนาคมขนส่งถือเป็นภาคธุรกิจที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดในรัฐแคลิฟอร์เนีย ภาพถนนทางหลวงที่คับคั่งไปด้วยรถ และท้องฟ้าเต็มไปด้วยฝุ่นควันเหนือเมืองลอสแอนเจลิส เป็นภาพที่พบเห็นจนชินตาสำหรับคนอเมริกัน สิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อสภาพแวดล้อมอย่างเห็นได้ชัด เพราะแคลิฟอร์เนียเผชิญทั้งไฟป่ามากเป็นประวัติการณ์ ภาวะอากาศแห้งแล้ง และมลพิษทางอากาศก็แย่ลงเรื่อยๆ จากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ

ลีแอน แรนดอล์ฟ ประธานคณะกรรมาธิการด้านทรัพยากรทางอากาศแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย กล่าวว่า กฎหมายนี้จะเป็นหนึ่งในความพยายามครั้งสำคัญที่สุดเพื่อสร้างอากาศสะอาด และจะทำให้มลพิษจากรถยนต์และรถบรรทุกเล็กลดลง 50% ภายในปี 2040

ข้อมูลทางการของรัฐยังระบุด้วยว่ากฎหมายนี้จะเป็นก้าวสำคัญเพื่อให้รัฐไปสู่การใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ภายในปี 2045 และช่วยลดการตายจากโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน ช่วยส่งเสริมสุขภาพให้กับผู้ป่วยโรคหอบหืดและโรคอื่นๆ ได้ด้วย

กฎหมายของแคลิฟอร์เนียจะเป็นเหมือนใบเบิกทางให้รัฐต่างๆ เริ่มออกกฎตามมา คาดว่าจะมีอย่างน้อย 15 รัฐที่ออกกฎแบบเดียวกันเร็วๆ นี้ เช่น นิวเจอร์ซี, นิวยอร์ก, เพนซิลวาเนีย

 

อุปสรรคสำคัญ: ขยายสถานีชาร์จไม่ทัน

อย่างไรก็ตาม การบังคับผู้ผลิตรถยนต์อาจจะได้ผลไม่ยาก แต่ที่ยากก็คือการขยายสถานีชาร์จให้เพียงพอ รวมถึงปัญหาการหาวัตถุดิบมาผลิตแบตเตอรีให้ทันความต้องการด้วย

“เงื่อนไขของรัฐจะเป็นไปได้จริงหรือทำได้สำเร็จหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกหลายอย่างเช่น ภาวะเงินเฟ้อ โครงสร้างพื้นฐานด้านสถานีชาร์จ ซัพพลายเชนการผลิต แรงงาน แร่ธาตุสำคัญที่ใช้เป็นวัตถุดิบมีเพียงพอหรือไม่และราคาเท่าไหร่ รวมถึงปัญหาขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ที่ยังมีอยู่ตอนนี้” จอห์น บอซเซลล่า ประธานและซีอีโอ สมาพันธ์นวัตกรรมยานยนต์ กล่าว “เรื่องเหล่านี้ซับซ้อนและผูกเงื่อนอยู่กับปัญหาระดับโลกด้วย”

ไม่ได้มีแค่สหรัฐฯ ที่มีความพยายามจะลดการปล่อยคาร์บอนด้วยการสั่งแบนการขายรถยนต์ใช้น้ำมัน ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ “มณฑลไห่หนาน” ก็เป็นมณฑลแรกของจีนที่ออกกฎหมายแบนการขายรถยนต์สันดาปภายในปี 2030 อ่านรายละเอียดได้ที่นี่

Source