รุ่น 3 ของ “รุ่งกิจ” เจ้าถิ่นอสังหาฯ โซนตะวันออก เตรียมแต่งตัวบริษัทเข้าตลาด mai ภายในปี 2567 โดยจัดตั้งบริษัทใหม่ “ซีเนกซ์” ขึ้นมาควบรวมกิจการเดิม ตั้งแต่ปีหน้าจะเร่งการเปิดตัวโครงการใหม่ปีละ 3 โครงการเพื่อตุนพอร์ตสร้างรายได้ ระยะสั้นเน้นโครงการบ้านเดี่ยวระดับกลางบนภายใต้แบรนด์ “The RUX” (เดอะ รักษ์) จากโอกาสการขายดีกว่าทาวน์เฮาส์
บริษัท รุ่งกิจ เรียลเอสเตท จำกัด (RK) เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในโซนตะวันออกของกรุงเทพฯ หากนับตั้งแต่รุ่นแรกก็อยู่ในธุรกิจนี้มานานกว่า 60 ปี ก่อสร้างบ้านมาแล้วไม่ต่ำกว่า 8,000 หลัง มูลค่าสะสมราว 30,000 ล้านบาท ปัจจุบันเปลี่ยนมือบริหารมาจนถึงรุ่น 3 คือ “วรยุทธ กิตติอุดม” เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
แม้จะมีจุดแข็งของตนเองคือการเป็น ‘เจ้าถิ่น’ ในโซนตะวันออก รู้ลึกเรื่องทำเลตั้งแต่รามคำแหง รามอินทรา วัชรพล มีนบุรี บางโครงการเลยไปเปิดถึงรังสิต รวมถึงโตจากการเป็นบริษัทรับเหมาทำให้เข้าใจการควบคุมต้นทุนการก่อสร้าง แต่เนื่องด้วย ‘ช่องว่างต้นทุนการเงิน’ ระหว่างรายเล็ก-รายกลางกับรายใหญ่ ทำให้วรยุทธเลือกที่จะลุยเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)
“เรื่ององค์ความรู้เราไม่ได้ด้อยไปกว่ารายใหญ่ แต่ถ้าเป็นเรื่องเครื่องมือทางการเงิน เราจะแพ้ทาง ยกตัวอย่างช่วงโควิด-19 จะเห็นชัดมากเพราะเรามีแหล่งทุนคือสินเชื่อแบงก์ ขณะที่รายใหญ่ก็ยังออกหุ้นกู้ได้ ต้นทุนการเงินเรื่องดอกเบี้ยบางครั้งต่างกันเป็นเท่าตัว” วรยุทธกล่าว
ดังนั้น รุ่งกิจจะแข่งขันได้ต้องเข้าตลาดบ้างเพื่อให้เข้าถึงเครื่องมือทางการเงิน แต่วิสัยทัศน์การทำงาน วรยุทธยืนยันว่าบริษัทจะยังคงเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจ “อสังหาริมทรัพย์” และมีความระมัดระวังในการลงทุน
เปิดบริษัทใหม่ “ซีเนกซ์” เตรียมแต่งตัว
เพื่อให้แบรนด์การเข้าตลาดชัดเจนขึ้น วรยุทธได้จัดตั้งบริษัทใหม่ชื่อ บริษัท ซีเนกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ขึ้นมา ดำเนินธุรกิจอสังหาฯ โครงการใหม่ๆ และจะเริ่มควบรวม บริษัท รุ่งกิจ เรียลเอสเตท จำกัด ซึ่งบริหารโครงการเก่าที่ยังมียูนิตเหลือขาย เข้ามาในซีเนกซ์ ภายในปี 2566 เพื่อจะเริ่มไฟลิ่งเข้าตลาดในปี 2567
ปัจจุบันโครงการในมือซีเนกซ์และรุ่งกิจที่อยู่ระหว่างขายมีทั้งหมด 6 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 3,000 ล้านบาท ได้แก่
- The Eiffel รามคำแหง-มิสทีน มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท
- RK Park รามอินทรา-ซาฟารี (เฟส 1-2) มูลค่าโครงการ 536 ล้านบาท
- RK Park วัชรพล-สายไหม มูลค่าโครงการ 94 ล้านบาท
- ZENEX พหลโยธิน-รามอินทรา 5 มูลค่าโครงการ 54 ล้านบาท
- The RUX รามอินทรา-หทัยราษฎร์ 1 มูลค่าโครงการ 400 ล้านบาท
- The RUX รามคำแหง-กรุงเทพกรีฑา มูลค่าโครงการ 650 ล้านบาท
รวมถึงปลายปีนี้บริษัทมีแผนจะเปิดอีก 1 โครงการ คือ The RUX รามอินทรา-หทัยราษฎร์ 2 มูลค่าโครงการ 400 ล้านบาท
ยังเน้นโซนตะวันออก – ปีหน้าเจาะ “บ้านเดี่ยว” กลางบน
เป้าการรับรู้รายได้ปีนี้ของรุ่งกิจอยู่ที่ 300 ล้านบาท แต่ปี 2566 เป็นต้นไป วรยุทธระบุว่า ซีเนกซ์จะเปิดตัวปีละ 3 โครงการ จากปกติเปิดปีละ 1 โครงการ เพื่อปั้นรายได้ให้แตะ 800 ล้านบาทภายในปี 2567 ซึ่งเป็นปีที่เข้าตลาด
โครงการในปี 2566 ขณะนี้มีแผนและที่ดินครบแล้ว โดยจะเป็น “บ้านเดี่ยว” แบรนด์ The RUX ทั้งหมด ในทำเลถ.ไทยรามัญ มีนบุรี 1 แห่ง และทำเลรามคำแหง 2 แห่ง รวมมูลค่ากว่า 1,100 ล้านบาท
สาเหตุที่ยังเน้นตลาดบ้านเดี่ยวกลางบน ช่วงราคา 7-15 ล้านบาท วรยุทธกล่าวว่าเพราะตลาดกลุ่มนี้ยังมีดีมานด์และกำลังซื้อดี ต่างจากกลุ่มทาวน์เฮาส์ระดับกลางลงมาถึงกลางล่าง ดีมานด์มีอยู่เสมอแต่กำลังซื้อจริงอาจลดลงไปมากเพราะภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ไม่เหมาะที่จะเปิดโครงการ
- พราว เรียล เอสเตท ปรับแผนธุรกิจตอบโจทย์ลูกค้าระดับบน รุกอสังหาแนวราบมากขึ้น
- ภูเก็ตแฟนตาซีตั้งเป้าเข้าตลาดหุ้น ทุ่มทุน 6,600 ล้านปั้น Carnival Magic เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่
วรยุทธกล่าวต่อถึงอนาคตบริษัทหลังเข้าตลาด มองว่าจะยังคงเน้นโซนตะวันออกของกรุงเทพฯ ต่อไป ไม่ขยายทั่วกรุงเทพฯ เพียงแต่จะเริ่มเข้าโปรดักส์ใหม่คือกลุ่มคอนโดมิเนียม
“โซนนี้ยังคงขายได้ตลอด เพราะโครงสร้างพื้นฐานมีเข้ามาใหม่เรื่อยๆ เช่น การขยายถนนคู่ขนานวงแหวนกาญจนาภิเษก ถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ ทำให้ปีนี้ดีมานด์บ้านแนวราบเติบโตจากปีก่อน 10% โอกาสยังมีสูงมาก” วรยุทธกล่าวปิดท้าย