“ฮาบิแทท” จับมือทุนท้องถิ่น “เฮงตระกูล” ขึ้นโครงการพูลวิลล่า “พัทยา” ตอบรับท่องเที่ยวฟื้น

พัทยา ฮาบิแทท เฮงตระกูล
“ฮาบิแทท” ร่วมทุน “เฮงตระกูล” ทุนท้องถิ่นในจังหวัดชลบุรี ขึ้นโครงการ “ไฮแลนด์ พาร์ค พูล วิลล่า พัทยา” วิลล่าระดับกลางบนราคา 8-15 ล้านบาท ตั้งเป้าขายทั้งกลุ่มซื้ออยู่เองและนักลงทุน ตอบรับธุรกิจท่องเที่ยวไทยฟื้นตัว ฝากความหวังรัฐปลดล็อกต่างชาติซื้อที่ดินได้ ช่วยเร่งยอดขายได้ทันที

“ชนินทร์ วานิชวงศ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด ร่วมกับ “รัฐกิจ เฮงตระกูล” เจ้าของที่ดินที่จะนำมาพัฒนา เปิดเผยถึงความร่วมมือการเปิดโครงการใหม่ “ไฮแลนด์ พาร์ค พูล วิลล่า พัทยา” มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท บนเนื้อที่ดิน 51 ไร่ (รวมสองเฟส) ถือเป็นโครงการพูลวิลล่าขนาดใหญ่ในทำเลห้วยใหญ่ เมืองพัทยา

โครงการนี้เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองฝ่ายจับมือกันผ่านการตั้ง บริษัท ฮาบิแทท วิลล่า จำกัด โดยฮาบิแทท กรุ๊ป ลงทุน 70% และฝั่งเฮงตระกูลลงทุน 30% จากนั้นใช้บริษัทนี้จัดซื้อที่ดินของตระกูลเข้ามาในบริษัทเพื่อพัฒนาโครงการ

ฮาบิแทท เฮงตระกูล พัทยา
ชนินทร์ วานิชวงศ์ และ รัฐกิจ เฮงตระกูล

ชนินทร์กล่าวว่า เฟสแรกของโครงการจะเปิดพรีเซลก่อน 65 หลัง เริ่มขายเดือนพฤศจิกายนนี้ ราคาพรีเซล 8-15 ล้านบาท ส่วนเฟสสองคาดว่าจะมีอีกมากกว่า 100 หลัง น่าจะเริ่มเปิดขายได้ไตรมาส 3 ปี 2566 และน่าจะปรับราคาขึ้นได้อีก 5-7% จากเฟสแรก

ฮาบิแทท กรุ๊ป นั้นถือเป็นนักพัฒนาอสังหาฯ ที่ลงทุน ‘Vacation Home’ มามาก โดยใน 12 โครงการที่บริษัทเคยพัฒนา มี 8 โครงการที่เป็นลักษณะคอนโดมิเนียมหรือบ้านพักตากอากาศ หลายโครงการจะเป็น Branded Residences ใช้แบรนด์โรงแรมในการบริหาร ทำให้ดึงดูดกลุ่มนักลงทุนได้ดี

ก่อนหน้าที่จะมีโครงการนี้ ฮาบิแทท กรุ๊ปเคยพัฒนาพูลวิลล่ามาแล้ว 2 แห่ง คือ The Ville จอมเทียน เป็นพูลวิลล่า 80 หลัง ราคา 8-13 ล้านบาท และ ครอสทู (X2) พัทยา โอเชียนเฟียร์ พูลวิลล่า 59 หลัง ราคา 10-15 ล้านบาท โครงการนี้เองที่นับว่าสร้างชื่อเสียงให้ฮาบิแทท กรุ๊ป เพราะเมื่อสร้างเสร็จเปิดบริการเป็นโรงแรมในปี 2561 โรงแรมได้รับความนิยมมากในแง่การออกแบบที่มีรสนิยม ทำให้ได้อัตราเข้าพักเฉลี่ยที่ 70% ต่อปี (ก่อนโควิด-19)

 

พูลวิลล่าโครงการใหญ่ เจาะตลาดกลางบน

ชนินทร์กล่าวต่อไปว่า จากทั้งสองโครงการก่อนหน้าที่ประสบความสำเร็จ ขายหมดภายใน 2 ปี และการวิจัยตลาดพัทยาพบว่า โครงการรูปแบบพูลวิลล่ามีไม่มากนัก คือมีเพียง 541 ยูนิต และทำยอดขายได้ 73% ถือว่าเป็นตลาดที่มีดีมานด์

ส่วนกลางโครงการไฮแลนด์ พาร์ค พูล วิลล่า พัทยา

ทำให้ปีนี้บริษัทกลับมาลงทุนพูลวิลล่าอีกครั้ง และครั้งนี้มาด้วยโครงการที่ใหญ่กว่าเดิม สามารถเพิ่มสัดส่วนพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ 3 ไร่ไว้รองรับลูกบ้านได้ โดยจะมีทั้งคลับเฮาส์ สระว่ายน้ำ และจ็อกกิ้ง แทร็ค เชื่อว่าจะเป็นจุดขายสำคัญให้กับโครงการ ไฮแลนด์ พาร์ค พูล วิลล่า พัทยา เพราะโครงการพูลวิลล่าอื่นๆ ในพัทยาส่วนใหญ่จะมีขนาดเล็กเพียง 5-15 หลัง ทำให้มักจะไม่มีส่วนกลางหรือมีน้อย

ส่วนรูปแบบบ้านเป็นพูลวิลล่าทุกหลัง ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ ทุกหลังเช่นกัน เพราะจากการบริหาร The Ville จอมเทียน ทำให้ทราบว่ากลุ่มลูกค้าผู้เช่ามักจะต้องการบ้านหลังใหญ่ บ้านที่มี 4 ห้องนอนขึ้นไปมีโอกาสปล่อยเช่าดีกว่าบ้านขนาด 3 ห้องนอน เพราะผู้เช่ามักจะเดินทางมาเป็นครอบครัวใหญ่ หรือเป็นเพื่อนฝูงมาเที่ยวร่วมกันเป็นกลุ่มใหญ่

ฮาบิแทท พัทยา
(บน) แบบบ้านโรสวู้ด (ล่าง) แบบบ้านแคสเซีย

ส่วนระดับราคา 8-15 ล้านบาทก็เชื่อว่าจะตรงกลุ่มเป้าหมายในพัทยา เป็นราคาระดับกลางบนที่ทำยอดขายได้ดีในพื้นที่

ชนินทร์กล่าวว่า เป้าหมายลูกค้าน่าจะมีทั้งกลุ่มที่ซื้ออยู่เองเพื่อเป็นบ้านตากอากาศหรือบ้านหลังเกษียณ รวมถึงกลุ่มนักลงทุนปล่อยเช่า คาดผู้ซื้อจะเป็นกลุ่มลูกค้าคนไทย 70% และต่างชาติ 30%

ทั้งนี้ โครงการนี้ฮาบิแทท กรุ๊ปไม่ได้มีการทำสัญญารับบริหารเหมือนเคย เพราะไม่ได้จดทะเบียนเป็นโรงแรม ลูกค้าที่ต้องการซื้อปล่อยเช่าสามารถดำเนินการเองได้

 

ปี’66 ผู้เช่าระยะยาวจากต่างประเทศจะกลับมา

ในด้านการปล่อยเช่าพูลวิลล่าในพัทยา ชนินทร์กล่าวว่าขณะนี้ผู้เช่าส่วนใหญ่ 70% จะเป็นคนไทยซึ่งนิยมมาเที่ยวช่วงสุดสัปดาห์ และ 30% เป็นชาวต่างชาติที่นิยมพักระยะยาว

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าปี 2566 จะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจน ผู้เช่าพูลวิลล่าน่าจะเป็นคนไทยกับต่างชาติฝั่งละ 50:50 และต่อไปก็น่าจะมีชาวต่างชาติเช่ามากกว่า เพราะสถานการณ์ท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวมากขึ้นเรื่อยๆ

ก่อนหน้าโควิด-19 เมืองพัทยาเป็นจุดหมายสำคัญของผู้เช่าต่างชาติ ส่วนใหญ่เป็นชาวจีน, ตะวันออกกลาง และยุโรป โดยเฉพาะกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวียจะนิยมเช่าบ้าน เพราะต้องการพักระยะยาวหนีหนาว 3-4 เดือนต่อปี

สำหรับราคาค่าเช่าพูลวิลล่าระดับกลางบนในพัทยาจะอยู่ที่คืนละ 7,000-10,000 บาท ทำให้ถ้าหากลงทุนซื้อบ้านราคา 12 ล้านบาท และสามารถปล่อยเช่าได้อย่างน้อย 60% หรือเฉลี่ยประมาณ 18 คืนต่อเดือน คาดว่าผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนการเช่า (yield) ราว 7% ต่อปี

ชนินทร์ยังกล่าวถึงมาตรการรัฐที่มีแนวทางจะปลดล็อกให้ต่างชาติซื้อที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยในไทยได้ไม่เกิน 1 ไร่ว่า หากมาตรการนี้เกิดขึ้นจริง เชื่อว่าจะทำให้ยอดขายโครงการบ้านพักตากอากาศดีขึ้นทันที เพราะดีมานด์ต่างชาติมีอยู่เสมอ เฉพาะชาวจีนที่ทำงานในประเทศไทยก็พร้อมที่จะเข้าซื้อจำนวนมาก รวมถึงกลุ่มยุโรปที่ต้องการซื้อบ้านเพื่อเกษียณอายุด้วย

ฝั่งเฮงตระกูลนั้นยังมีที่ดินเปล่าอยู่ในจ.ชลบุรีอีกราว 20-30 แปลง รวม 300-400 ไร่ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะมีการลงทุนร่วมกันต่อหรือไม่และจะเป็นที่ไหน ขอรอดูผลตอบรับของโครงการนี้ก่อน