“มาสด้า” ประเทศญี่ปุ่น ประกาศการลงทุน 10,600 ล้านเหรียญเพื่อลุยพัฒนา “รถอีวี” แข่งขันในตลาด วางเป้าสัดส่วนยอดขายมาจากรถยนต์ไฟฟ้าสูงสุด 40% ภายในปี 2030
แผนด้านการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของ “มาสด้า” เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2022 ระบุถึงการเพิ่มเป้าหมายยอดขายรถอีวีขึ้นเป็น 25-40% ของยอดขายรถยนต์รวมทั้งโลกภายในปี 2030 จากเดิมที่ตั้งสัดส่วนไว้เพียง 25% โดยจะเพิ่มยอดขายได้ มาสด้าจะมีการเพิ่มงบการลงทุนการผลิตรถอีวี
การเพิ่มการลงทุนครั้งนี้ของมาสด้า ถือเป็นการประกาศที่ตามมาหลังคู่แข่งสัญชาติญี่ปุ่นด้วยกันอย่าง “โตโยต้า” และ “ฮอนด้า” ประกาศเป้าด้านรถอีวีไปก่อนแล้วในปีนี้ โดยบริษัทรถญี่ปุ่นทั้งหมดในที่สุดต้องทำแผนเข้าสู่ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า หลังจากถูกบีบโดยนักกิจกรรมเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง
“เราจะเร่งโปรโมตการเปิดตัวรถอีวีอย่างเต็มตัว และพิจารณาการลงทุนผลิตแบตเตอรี่ เราคาดว่าสัดส่วนยอดขายรถอีวีของเราทั่วโลกจะขึ้นไปอยู่ระหว่าง 25% ถึง 40% จากยอดขายรวม ภายในปี 2030” ทั้งหมดเป็นข้อมูลที่ประกาศในแถลงการณ์ของมาสด้า
ถือเป็นการคาดการณ์ที่สอดคล้องกับเทรนด์โดยรวมในอุตสาหกรรมรถยนต์ ก่อนหน้านี้ Deloitte บริษัทที่ปรึกษา ได้คาดการณ์ไว้ว่ายอดขายรถอีวีทั้งโลกจะขึ้นมามีสัดส่วนราว 32% ของยอดขายรถทั้งหมดภายในปี 2030 หรือเท่ากับมีการขายรถยนต์ไฟฟ้า 31.1 ล้านคันในปี 2030 พุ่งขึ้นจากที่เคยขายได้ 2.5 ล้านคันเมื่อปี 2020
- โตโยต้า-โซนี่ นำทัพ 8 บริษัทญี่ปุ่นลงขัน “ตั้งบริษัทผลิตชิป” หวังแข่งขันไต้หวัน-เกาหลี
- ‘ฮอนด้า’ ทุ่ม 4 หมื่นล้านดอลล์ พัฒนารถยนต์ EV ลุยเปิดตัว 30 รุ่น ภายในปี 2030
สำหรับแผนของ “มาสด้า” จะแบ่งการลุยวงการอีวีเป็น 3 เฟส โดยมาสด้าจะเริ่มแนะนำรถอีวีเข้าสู่ตลาดภายใน ‘ช่วงครึ่งหลังของเฟส 2’ ซึ่งหมายถึงช่วงระหว่างปี 2025-2027 และวางแผนว่าบริษัทจะเข้าสู่ยุคแห่งรถยนต์ไฟฟ้าแบบเต็มตัวครบสมบูรณ์ได้ภายในปี 2028-2030
อากิระ โคงะ กรรมการบริหารอาวุโสของมาสด้า ให้สัมภาษณ์กับ Nikkei ว่า บริษัทจะลงทุนรวม 10,600 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3.8 แสนล้านบาท) ร่วมกับพาร์ทเนอร์ เพื่อทำการวิจัยและพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า ทั้งนี้ โคงะขอสงวนรายละเอียดการลงทุนว่าจะลงทุนอะไรเมื่อไหร่ แต่บอกว่าการลงทุนจะขึ้นอยู่กับว่ารถอีวีได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นรวดเร็วแค่ไหน
ด้าน อากิระ มารุโมโตะ ซีอีโอของมาสด้า กล่าวว่าบริษัทจะเริ่มแนะนำระบบไฮบริดแบบใหม่ก่อน และจะมีการปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องยนต์
มาสด้ายังแจ้งด้วยว่าบริษัทได้ทำข้อตกลงกับพาร์ทเนอร์ 7 ราย หนึ่งในนั้นคือบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติญี่ปุ่น “Rohm” เพื่อร่วมกันพัฒนาและผลิตรถอีวี
นอกจากนี้ มาสด้ายังมีสัญญากับ Envision AESC ผู้ผลิตแบตเตอรี่ เพื่อให้ส่งซัพพลายแบตเตอรี่ให้ในระหว่างปี 2025-2027
“หลังจากนั้น เราจะพัฒนากลยุทธ์ในการจัดหาซัพพลายแบตเตอรี่ไปทีละขั้น” โคงะกล่าว
เมื่อปี 2019 มาสด้าเคยเปิดตัว MX-30 รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกมาแล้ว และมีการจำหน่ายในญี่ปุ่นและยุโรป ส่วนในไทยก็เพิ่งนำ MX-30 เข้ามาโชว์ตัวเมื่อต้นปีนี้ แต่จะไม่มีการขายในไทย เพราะแผนบริษัทต้องการนำรถไฮบริดเข้ามาทำตลาดไทยก่อน ยังไม่นำรถ full-electric แบบนี้เข้ามา
เป้าหมายยอดขายโดยรวมของมาสด้า ต้องการจะไปให้ถึงเป้า 4.5 ล้านล้านเยน (ประมาณ 1.15 ล้านล้านบาท) ภายในรอบปีบัญชีที่จะปิดเดือนมีนาคม 2026 ซึ่งหมายถึงการเติบโตถึง 45% จากยอดขายรอบปีบัญชีมีนาคม 2022