H&M แบรนด์แฟชั่นต้นเบอร์ 2 ของโลกกำลังเจอกับปัญหายอดขายที่ลดลง เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ทำให้ผู้บริโภครัดเข็มขัด รวมถึงการแข่งขันจากคู่แข่งหน้าใหม่ ทำให้บริษัทมีแผนที่จะปรับโครงสร้างใหม่เพื่อลดต้นทุนลง โดยเตรียมที่จะลดพนักงานทั่วโลกประมาณ 1,500 ราย
บริษัทฟาสต์แฟชั่นสัญชาติสวีเดน วางแผนที่จะลดจำนวนพนักงานทั่วโลกลง 1,500 ราย จากปัจจุบันมีพนักงานทั้งหมดราว 155,000 ราย เนื่องจากวิกฤตเงินเฟ้อและต้นทุนที่สูงขึ้น โดยคาดว่าการลดจำนวนพนักงานในครั้งนี้จะช่วยให้บริษัทลดต้นทุนได้ปีละ 190 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 6,650 ล้านบาท
“เมื่อผู้บริโภคใช้จ่ายไปกับค่าครองชีพ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ค่าน้ำค่าไฟ และน้ำมัน พวกเขาก็จะใช้จ่ายน้อยลง ดังนั้นสิ่งที่ชัดเจนคือ เขาต้องความคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายเพิ่มขึ้น เรากำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่และอุตสาหกรรมการค้าปลีกทั้งหมดกำลังเผชิญกับความท้าทายมากมาย” Nils Vinge หัวหน้าฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ของ H&M กล่าว
ย้อนไปในช่วงเดือนกันยายน H&M มียอดขายรายไตรมาสที่ต่ำกว่าที่คาดไว้มาก เนื่องจากผู้บริโภครัดเข็มขัดจากภาวะค่าครองชีพที่สูงขึ้น ส่งผลให้ H&M ได้ประกาศว่ามีแผนจะ ขึ้นราคาสินค้า เพื่อชดเชยต้นทุนที่พุ่งสูงขึ้น นอกจากนี้ H&M ต้องเจอกับการแข่งขันทั้งที่ใหญ่กว่าอย่าง Zara และจากผู้เล่นรายใหม่ที่ทำราคาได้ดีกว่า อย่าง Primark แบรนด์แฟชั่นของอังกฤษที่เพิ่งได้ประกาศแผนการเพิ่มงาน 1,800 ตำแหน่ง ในสเปนและอังกฤษเพื่อขยายกิจการ
สำหรับ H&M ก่อตั้งขึ้นในสวีเดนในปี 2490 นอกจากร้านค้าปลีกเสื้อผ้าแล้ว กลุ่มนี้ยังรวมถึงแบรนด์ต่าง ๆ เช่น COS, Monki, Weekday, Cheap Monday, & Other Stories, H&M Home, ARKET และ Afound มีร้านค้าประมาณ 4,664 แห่งใน 77 ตลาดและมีตลาดออนไลน์ 57 แห่ง