เครือโรงแรม OYO จากอินเดีย ประกาศการ “เลย์ออฟ” 600 ตำแหน่งในสายงานเทคโนโลยี แต่จะมีการจ้างเพิ่ม 250 ตำแหน่งเพื่อเสริมทัพด้านการบริหารความสัมพันธ์กับพาร์ทเนอร์โรงแรม โดยเป็นการปรับโครงสร้างธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ คาดปี 2023 อาจได้เปิด IPO ตามเป้า
OYO ประกาศการเลย์ออฟ 600 ตำแหน่งในสายงานเทคโนโลยี แต่จะมีการจ้างเพิ่ม 250 ตำแหน่งในกลุ่มงานบริหารจัดการณ์ความสัมพันธ์กับพาร์ทเนอร์โรงแรมและพัฒนาธุรกิจ ทำให้บริษัทจะลดขนาดลงประมาณ 10% จากเดิมที่มีพนักงานกว่า 3,700 คนในบริษัท
บริษัทระบุว่า การเลย์ออฟครั้งนี้จะเป็นการปรับโครงสร้างองค์กร ทีมงานวิศวกรและผลิตภัณฑ์จะมีการยุบรวมกันเพื่อการทำงานที่ราบรื่นยิ่งขึ้น
ในทีมเทคโนโลยีที่ถูกเลย์ออฟ บางส่วนมาจากทีมที่เคยพัฒนาโครงการนำร่องต่างๆ เช่น เกมภายในแอปพลิเคชัน, การคัดสรรคอนเทนต์โซเชียล ซึ่งบางตำแหน่งที่ไม่ถูกเลย์ออฟ จะโยกย้ายไปทำงานในทีมอื่นแทน เช่น การกำหนดราคาโดยใช้ AI
ส่วนการจ้างเพิ่มในกลุ่มบริหารจัดการความสัมพันธ์ เป็นไปเพื่อเพิ่มความพึงพอใจให้กับพาร์ทเนอร์โรงแรมและลูกค้าที่เข้าพัก ขณะที่ทีมพัฒนาธุรกิจจะทำให้บริษัทเพิ่มจำนวนโรงแรมบ้านพักในแพลตฟอร์มได้เร็วขึ้น
บริษัทบอกด้วยว่า จะมีการช่วยเหลือพนักงานให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อให้ได้งานใหม่ที่เหมาะสม และจะต่ออายุประกันสุขภาพให้ต่อเนื่องเฉลี่ย 3 เดือนหลังการเลย์ออฟ
“โชคไม่ดีที่เราจำเป็นต้องแยกทางกับบุคลากรระดับทาเลนต์จำนวนมากที่เคยได้สร้างคุณค่าให้กับบริษัท” Ritesh Agarwal ผู้ก่อตั้งและซีอีโอกลุ่ม OYO กล่าว “เมื่อ OYO เติบโตขึ้นในอนาคตและต้องการตำแหน่งเหล่านี้อีกครั้ง เราสัญญาว่าจะติดต่อไปที่พวกเขาก่อนเป็นลำดับแรกเพื่อเปิดโอกาสให้พวกเขาได้กลับมาร่วมงานกับเราอีก”
- OYO ไทยโชว์เหนือ! เปิดตัว 3 เดือนเพิ่มจำนวนห้องพักเท่าตัว ท่ามกลางความปั่นป่วนของบริษัทแม่
- เช็กชื่อผู้เล่นรายใหญ่ในตลาด “โรงแรม 3 ดาว” เมืองไทย
OYO นั้นมีแผนจะเปิด IPO ในตลาดหุ้นอินเดียมาตลอด โดยการคาดการณ์เป้าหมายขณะนี้ การ IPO น่าจะเกิดขึ้นช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน ปี 2023 แต่การประเมินมูลค่าบริษัทนั้นตกต่ำจากที่เคยถูกประเมินไว้สูงถึง 12,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพราะเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมานักลงทุนรายใหญ่อย่าง SoftBank Group มีการลดการประเมินมูลค่าบริษัท OYO ลงถึง 20% จนทำให้ตลาดมองว่ามูลค่าบริษัทน่าจะลงมาเหลือเพียง 6,500 ล้านเหรียญเท่านั้น
สำหรับการฟื้นตัวของบริษัท เป็นไปตามสภาวะตลาดท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคัก โดยเฉพาะในอินเดียที่ได้ยอดจองส่วนใหญ่มาจากกลุ่มเดินทางทางธุรกิจและอีเวนต์ต่างๆ