รู้จัก W.F. Group ผู้ปิดดีล EGGDROP เข้าประเทศไทย ขยายสาขานอกเกาหลีเป็นแห่งแรก!


EGGDROP (เอ็กดร็อป) ร้านแซนวิชไข่อันดับหนึ่งในประเทศเกาหลี ได้เปิดสาขาแห่งแรกในไทยเป็นที่เรียบร้อยที่เซ็นเตอร์พอยท์ ออฟ สยามสแควร์ แถมยังเป็นสาขานอกเกาหลีเป็นแห่งแรกอีกด้วย โดย W.F. Group เป็นผู้ได้รับสิทธิ์แฟรนไชส์เข้ามาเปิดสาขาในประเทศไทย โดยมีเป้าหมายสำคัญในการสร้างประเทศไทยให้เป็น Food destination อันดับ 1 ในอาเซียน


ทำความรู้จัก W.F. Group จากแพชชั่นของคนรักอาหาร

หลายคนอาจสงสัยว่า W.F. Group คือใคร ทำไมสามารถปิดดีลกับ EGGDROP ได้ เพราะส่วนใหญ่เราอาจจะคุ้นชินกับที่บริษัทเชนร้านอาหารรายใหญ่เป็นคนนำเข้ามา เพราะมีเงินทุนสูงกว่าบริษัทรายย่อย

W.F. Group เปรียบเหมือนบริษัทสตาร์ทอัพน้องใหม่ในวงการอาหารก็ว่าได้ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2562 นำทัพโดย 2 คู่หูนักกิน “แหวน – ณัฐภา กุลชล” และ “เฟม – สุรพัศ ตั้งสวัสดิ์ดำรง” ทั้งคู่มีแพชชั่นในด้านอาหารอย่างเต็มเปี่ยม แม้ทั้งคู่จะเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ในวงการร้านอาหาร แต่ก็สามารถฝ่าวิกฤตช่วง COVID-19 มาได้

W.F. Group ได้แจ้งเกิดในตลาดด้วยการนำเข้าแบรนด์เครื่องดื่มระดับพรีเมียมจากไต้หวันอย่าง Machi Machi (มาชิ มาชิ) เปิดสาขาแรกที่สยามสแควร์ และล่าสุดกับการนำเข้าแบรนด์แซนวิซไข่ในตำนานอย่าง EGGDROP (เอ็กดร็อป) มาเปิดสาขาแรกที่ไทย เพียงแค่ 2 แบรนด์แรกก็สามารถการันตีถึงความความแข็งแกร่งของบริษัทได้แล้ว

Machi Machi Thailand ได้เปิดตัวครั้งแรกที่สยามสแควร์ เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2563 ได้รับกระแสตอบรับอย่างดีจากผู้รักชา เนื่องด้วยความน่ารัก และเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ อย่างชานมพานาคอตต้าแบบขวด หรือชีสโฟม และทาโร่บอล ทำให้ Machi Machi ขยายสาขาได้อย่างรวดเร็ว

คุณแหวน เริ่มเล่าว่า จุดเริ่มต้นของแบรนด์ Machi Machi มาจากเมื่อตอนสมัยเรียนปริญญาโทที่เมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ แล้วตอนนั้นเห็นแบรนด์ Machi Machi มาเปิดสาขาที่นี่ แล้วลูกค้าต่อคิวกันเยอะมาก เลยเกิดความสนใจว่าแบรนด์นี้ต้องอร่อยมากขนาดไหน คนถึงต่อคิว และสินค้าหมดตลอด พอเรียนจบก็ได้บินไปเที่ยวที่ไต้หวัน และได้ไปชิมชาต้นตำรับที่นั่นด้วย รู้สึกชอบรสชาติ กลิ่นชา ลูกเล่นของแบรนด์มีความแตกต่างจากที่อื่น จึงได้ติดต่อกับเจ้าของแบรนด์เพื่อซื้อแฟรนไชส์ ตอนนั้นแบรนด์กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ มีการขยายสาขา 10 กว่าประเทศ ตอนนั้นคุณแหวนเองก็เพิ่งเรียนจบ ไม่มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจ แต่อยากลองเป็นประสบการณ์ พอส่งแผนธุรกิจกว่า 60 หน้าไป พูดคุยกันอยู่ประมาณ 2 เดือนก็ได้เป็นมาสเตอร์แฟรนไชส์ หลังจากนั้นก็ได้ก่อตั้งเป็น W.F. Group

คุณแหวนเองเป็นสายกินอยู่แล้ว เป็นมิชลินฮันเตอร์ตัวยง ตามเก็บดาวร้านอาหารมิชลิน เป็นคนเดินทางหลายประเทศจึงอยากให้คนไทยได้ทานชารสชาติที่ดี วัตถุดิบออแกนิก บวกกับแนวคิดที่มองว่าตลาดประเทศไทยยังมีโอกาสอีกมากมาย อยากปั้นให้ประเทศไทยเป็น Food Destination ในการดึงดูดนักท่องเที่ยวมาทานอาหารอร่อยที่ไทย


เปิดเส้นทาง กว่าจะมาเป็น EGGDROP Thailand     

สำหรับแบรนด์ที่ 2 ในพอร์ตของ W.F. Group ก็คือ EGGDROP แบรนด์แซนวิชไข่อันดับ 1 ในประเทศเกาหลี ใครที่เป็นสายเกาหลี สายซีรีส์ หรือใครที่เคยไปประเทศเกาหลีน่าจะคุ้นเคยกับแบรนด์นี้กันอยู่บ้าง เพราะเป็นเมนูที่ปรากฎในซีรีส์ค่อนข้างบ่อย

ส่วนจุดเริ่มต้นของแบรนด์นี้เกิดจากการที่คุณแหวนได้ไปทานที่เกาหลีอีกเช่นเคย แล้วชอบในรสชาติ มองว่าต้องเข้าปากคนไทยแน่ๆ มีความคิดขึ้นมาทันทีเลยว่า “ต้องเอาร้านนี้มาเปิดในไทยให้ได้” หลังจากนั้นได้ส่งอีเมลคุยกับเจ้าของแบรนด์ พร้อมส่งแผนธุรกิจกว่า 80 หน้า ทำการเจรจากว่า 11 เดือนจึงได้สิทธิ์มาสเตอร์แฟรนไชส์มาครอง

ทางด้านคุณเฟมได้เล่าว่า สำหรับแบรนด์ EGGDROP ได้มองเห็นโอกาส และ Pain point ใทยเนื่องจากมองเห็นพฤติกรรมคนไทยที่ไปร้านกาแฟชอบทานกาแฟพร้อมเบเกอรี่ ราคารวมกันไม่ต่ำกว่า 300 บาท ในขณะที่ค่าแรงขั้นต่ำคนไทย 300 บาท ซึ่งมีความย้อนแย้งอยู่พอสมควร มองว่าสามารถเข้าถึงคนไทยได้แค่เฉพาะกลุ่มที่จะสามารถทานของอร่อยได้ จึงอยากมีอะไรที่เข้าถึงคนไทยได้ทุกกลุ่มในราคาย่อมเยา ซึ่ง EGGDROP มีรสชาติที่เข้าปากคนไทย เมนูเป็นขนมปัง คนไทยคุ้มชินกับการทานขนมปังอยู่แล้ว ถ้าเป็นชุดคอมโบ้อาหารและเครื่องดื่มรวมกันไม่ถึง 300 บาท

อีกทั้งยังมีช่องทางในตลาดให้เข้าไปเล่นได้ คนไทยบางคนอาจจะอยากได้มื้ออาหารที่เป็น Quick Meal อาหารด่วนๆ แต่ไม่ใช่ฟาสต์ฟู้ด EGGDROP สามารถตอบโจทย์ตรงนั้นได้ หรืออธิบายง่ายๆ ก็คือ EGGDROP เข้ามาตอบโจทย์คนที่อยากทานมื้อด่วนๆ แต่ได้ในเรื่องคุณภาพ ซึ่ง EGGDROP เป็น High Quality Fastfood อาหารฟาสฟู้ดที่ได้คุณภาพ แต่ Fastfood ที่ว่านี้หมายถึงการปรุงอาหารที่รวดเร็ว ไม่ได้หมายถึงการเป็น Junk Food และด้วยความที่ EGGDROP เป็นที่รู้จักอยู่แล้ว จากอิทธิพลของเกาหลีในไทย ทำให้ทำการตลาดง่ายขึ้น

ถ้าถามว่าอะไรเป็นจุดที่ทำให้ทาง EGGDROP ตัดสินใจเลือก W.F. Group เป็นพาร์ทเนอร์ในไทย เพราะที่ผ่านมาได้มีเชนร้านอาหารเคยติดต่อขอซื้อแฟรนไชส์เช่นกัน แต่ได้เลือกบริษัทน้องใหม่อย่าง W.F. Group

คุณเฟมมองว่า “ทางเกาหลีเลือกเราเพราะแพชชั่นในด้านอาหารจริงๆ แม้จะมีธุรกิจใหญ่ๆ เข้าไปเจรจาด้วย แต่เขาเลือกเรา เพราะเรามีความเป็นเจ้าของ ทำงานเหมือนสตาร์ทอัพ ลงไปดูแลร้านด้วยตัวเอง อีกทั้งไทยเป็นโลเคชั่นสำคัญ เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในอาเซียน เป็นโอกาสทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้นได้”

โดย EGGDROP ได้เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2560 และขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยภายในระยะเวลา 1 ปี สามารถเปิดได้ถึง 50 สาขา และเติบโตขึ้นจนกลายเป็นร้าน QSR (Quick Service Restaurant) อันดับ 1 ของเกาหลีในเวลาไม่นาน ปัจจุบันมีสาขามากถึง 275 สาขาทั่วประเทศเกาหลี

จุดเด่นที่ทำให้ EGGDROP เป็นที่รักของชาวเกาหลี และทุกคนที่ได้ชิม เพราะคุณภาพของอาหาร และวัตถุดิบ ที่คัดสรรวัตถุดิบที่ดีที่สุด ตั้งแต่ ไข่ ขนมปัง แฮม รวมไปถึงผักต่างๆ รวมไปถึงหน้าตาของเจ้าแซนวิชไข่ที่สุดแสนจะน่ารัก มาพร้อมกับลายตารางอันเป็นเอกลักษณ์ ชวนให้ลิ้มลองชิม และชวนถ่ายรูปเช็คอินบนโซเชียลมีเดียกันเลยทีเดียว


เตรียมขยาย 70 สาขาภายใน 5 ปี

สำหรับร้าน EGGDROP ในประเทศไทย มีราคาเริ่มต้นที่ 89 บาท มีราคาถูกกว่าที่เกาหลีถึง 20% เป็นความตั้งใจของบริษัทที่อยากทำราคาให้เข้าถึงคนไทยได้ง่าย เพราะส่วนใหญ่ที่เห็นจากแบรนด์อื่นที่มีการนำเข้ามาเปิดในไทย จะมีราคาแพงกว่าประเทศต้นแบบ จึงหาวิธีทำให้ราคาถูกกว่า แต่คงคุณภาพให้เหมือนต้นแบบ

สำหรับแผนในการขยายสาขาในระยะสั้นมีการขยาย 10-15 สาขาภายใน 2 ปี ส่วนในระยะยาวจะขยายมากถึง 70 สาขาภายใน 5 ปี เลือกโลเคชั่นตามปั๊มน้ำมัน ศูนย์การค้า หรือพื้นที่ที่มีทราฟฟิกเยอะ มีแผนอยากเปิดร้านแบบ 24 ชั่วโมง และโมเดลสแตนอโลน รวมไปถึงโมเดลที่เน้น Grab and Go ด้วย

ในอนาคตมีแผนที่จะพัฒนาเมนูให้เข้ากับโลคอล หรือเพิ่มเมนูความเป็นไทยๆ ให้มากขึ้น เมนูที่มีรสชาติจัดจ้าน รสชาติเผ็ดๆ หรือมีเมนูข้าวเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้เข้ากับพฤติกรรมของคนไทยที่ชอบทานรสชาติจัดจ้าน


เริ่มจากศูนย์ เจอรับน้องด้วย COVID-19

อีกหนึ่งความท้าทายของ W.F. Group ก็คือ การเริ่มธุรกิจตอนช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 พอดี หลังจากที่เซ็นสัญญา ก็เกิดการแพร่ระบาดจนมีมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้แผนการเปิดร้านต้องเลื่อนจากตอนแรกมีแผนจะเปิดช่วงเดือนเมษายนปี 2563 เป็นเดือนตุลาคม 2563 แทน

กลายเป็นว่าการเริ่มธุรกิจของคุณแหวน และคุณเฟมได้เจอรับน้องอย่างหนัก จากที่ต้องเริ่มจากศูนย์ กลายเป็นติดลบ เพราะต้องแก้ปัญหาหลายอย่าง แต่ถึงแม้จะล้มลุกคลุกคลานแต่ทั้งคู่ก็ไม่ยอมแพ้ สามารถขยายสาขา Machi Machi ได้อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีสาขาอยู่ในห้างต่างๆ ในกรุงเทพแล้วถึง 6 สาขา ได้แก่ สยามสแควร์, เซ็นทรัล ชิดลม, สามย่านมิตรทาวน์, เซ็นทรัล ลาดพร้าว, สีลมคอมเพล็กซ์ และเซ็นทรัล อีสต์วิลล์

“ที่ผ่านมาถือว่ายากมาก จากที่เป็นหน้าใหม่ในวงการ ได้เริ่มจากศูนย์ พอเจอ COVID-19 เข้าไปกลายเป็นติดลบไปเลย ต้องแก้ปัญหาหลายอย่าง ตอนล็อกดาวน์ก็ทำให้สินค้าเข้าไม่ได้ ท่าเรือปิด เคยคิดอยากเลิกทำเหมือนกัน แต่มีทีมงานอยู่ มีกำลังใจ ก็เลยต้องสู้ ถือว่าลงหลังเสือมาแล้ว แต่จากวิกฤตรงนั้นก็เป็นบทเรียนให้เราได้ มองว่าทุกปัญหามีทางแก้ แต่ต้องใจเย็น มองหลายมุมมอง” 

นอกจากธุรกิจอาหารแล้ว W.F. Group มีแผนที่จะขยายธุรกิจไปยังตลาด “สัตว์เลี้ยง” เนื่องจากมองเห็นโอกาสในการเติบโตขึ้นทุกปี อีกทั้งทั้งคู่ยังเป็น “ทาสหมา” เลี้ยงน้องหมา 10 กว่าตัว มีแผนที่จะทำเป็นคอมเพล็กซ์สำหรับสัตว์เลี้ยง คาดว่าจะเปิดตัวภายในปีนี้ ส่วนธุรกิจอาหารมองว่าในปีนี้จะขยายไปยังตลาดเบเกอรี่ อาจจะนำเข้าแบรนด์เบเกอรี่จากต่างประเทศอีก 1 แบรนด์อีกด้วย