เปิดแผนปี 2566 ของ “ศุภาลัย” เตรียมเปิดโครงการใหม่รวมมูลค่า 41,000 ล้านบาท ถือเป็นยอดนิวไฮตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท โดยยังเน้นจุดแข็งความเป็นเจ้าภูธร บุกตลาด 5 จังหวัดใหม่ และให้น้ำหนักกับโครงการแนวราบในกลุ่มตลาดกลางถึงบนเป็นหลัก
เปิดปีเถาะของภาคอสังหาริมทรัพย์ “ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) สรุปภาพการเข้าสู่ ‘ยุคใหม่’ ของบริษัทที่เริ่มขึ้นมาแล้ว 2-3 ปี โดยมีการพัฒนาโปรดักส์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เช่น บ้านพักตากอากาศ จ.ภูเก็ต, คอนโดมิเนียมที่มีบริการเสริม (serviced condo) ที่โครงการ Blue Whale หัวหิน หรือ โครงการโฮมออฟฟิศ ศุภาลัย แกรนด์ เอสเซ้นส์ ท่าพระ อินเตอร์เชนจ์ เป็นต้น
การสร้างสรรค์โปรดักส์ใหม่เหล่านี้จะมีต่อเนื่องในปี 2566 รวมถึงพัฒนา “แบบบ้านใหม่” ที่ทันสมัยมากขึ้น เช่น ทาวน์เฮาส์ซีรีส์ใหม่ ‘CLOUD’ , บ้านเดี่ยวชั้นเดียวที่มีคอร์ทยาร์ดกลางบ้าน, บ้านเดี่ยวหน้ากว้างที่มาในโทนสีเข้มขรึม หนักแน่นมากขึ้น ฯลฯ
ผลงานปี’65 ยอดขายพุ่ง รีเจ็กต์เรตลดลงครึ่งหนึ่ง
ด้าน “ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) สรุปผลการดำเนินงานปี 2565 ของบริษัท ทำยอดขายได้ 32,400 ล้านบาท เติบโต 35% จากปีก่อนหน้า และเปิดโครงการใหม่ไป 31 โครงการ มูลค่ารวม 37,800 ล้านบาท (*ยังไม่สามารถเปิดเผยรายได้และกำไรได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างแจ้งต่อ ก.ล.ต.)
ไตรเตชะยังชี้ถึงผลสำเร็จอีกส่วนของบริษัท คือการลด “รีเจ็กต์เรต” หรืออัตราการปฏิเสธให้กู้สินเชื่อบ้านของลูกค้า จากช่วงปี 2563-64 อยู่ที่ 22% ปี 2565 ลดเหลือ 11% เท่านั้น ซึ่งทำให้ยอดขายที่ทำได้ส่วนใหญ่สามารถโอนกรรมสิทธิ์รับรู้รายได้ได้จริง
“เราสามารถดูแลตรงนี้ได้เพราะตั้งราคาบ้านที่สมเหตุสมผล และคัดกรองลูกค้าที่เป็นเรียลดีมานด์มากกว่ากลุ่มเก็งกำไรซึ่งโอกาสจะกู้ไม่ผ่านมีสูง รวมถึงวางโปรแกรมผ่อนดาวน์ให้เหมาะสม” ไตรเตชะกล่าว
อีกส่วนที่น่าสนใจคือ ยอดขายคอนโดมิเนียมเติบโตถึง 82% ซึ่งเกิดจาก pent-up demand หรือผู้ที่มีความต้องการแต่ไม่กล้าตัดสินใจซื้อในช่วงปี 63-64 เนื่องจากกังวลกับเศรษฐกิจในช่วงโควิด-19 แต่เมื่อปี 2565 สถานการณ์โรคระบาดคลี่คลายลง ทำให้กลุ่มนี้ตัดสินใจซื้อคอนโดฯ ยอดขายคอนโดฯ ส่วนใหญ่จึงได้จากโครงการที่สร้างเสร็จแล้ว
ปี’66 เตรียมบุกตลาดแบบ ‘นิวไฮ’
ด้านแผนการดำเนินงานปีนี้ ไตรเตชะเปิดเผยตัวเลขเป้าหมาย ได้แก่
- เปิดโครงการใหม่ 41,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นสถิตินิวไฮมากที่สุดที่เคยเปิดในปีเดียว
- เป้ายอดขาย 36,000 ล้านบาท (แบ่งเป็นแนวราบ 70% และแนวสูง 30%)
- เป้ารับรู้รายได้ 36,000 ล้านบาท
- งบซื้อที่ดิน 8,000 ล้านบาท
โดยสัดส่วนโครงการใหม่ที่จะเปิดตัว ได้แก่ โครงการแนวราบในต่างจังหวัด 20 โครงการ, โครงการแนวราบในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล 14 โครงการ และโครงการแนวสูงในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล 3 โครงการ เห็นได้ว่า ศุภาลัยยังคงเน้นการออกสู่ตลาดต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง
- ปีนี้เดือด! “ลลิล” คาดตลาดอสังหาฯ ปี’66 แข่งดุ ตั้งเป้าโต 10% มุ่งตลาดราคา 2-9 ล้านบาท
- อสังหาฯ ปี’65 ต่างสุดขั้ว: “คอนโดฯ-ทาวน์เฮาส์” ขอไม่เกิน 3 ล้าน แต่ “บ้านเดี่ยว” ลักชัวรีขายดี
5 จังหวัดใหม่ของศุภาลัย
ก่อนหน้านี้ศุภาลัยถือเป็นบริษัทที่พัฒนาที่อยู่อาศัยมากจังหวัดที่สุดในไทย โดยเปิดไปแล้ว 23 จังหวัดทั่วประเทศ และปีนี้จะระดมเปิดอีก 5 จังหวัดใหม่ ได้แก่ ลำพูน ลำปาง นครปฐม ราชบุรี และจันทบุรี
รวมแล้วจะมี 28 จังหวัดทั่วไทย ดร.ประทีปยังแย้มด้วยว่า บริษัทมีที่ดินในต่างจังหวัดรอพัฒนามากกว่านี้ หากนับรวมแลนด์แบงก์เหล่านั้น ศุภาลัยมีที่ดินโครงการอยู่ร่วม 30 จังหวัดเรียบร้อยแล้ว
ดร.ประทีปมองว่า การเข้าตลาดต่างจังหวัดของศุภาลัยมีจุดแข็งในการแข่งขันกับทุนท้องถิ่นคือ แบบบ้านที่หลากหลายกว่า และต้นทุนทั้งในแง่การสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างกับต้นทุนดอกเบี้ยเงินกู้ ส่วนการแข่งกับทุนจากส่วนกลางด้วยกัน คือการเข้าสู่ตลาดต่างจังหวัดมามากกว่า ทำให้เข้าใจทำเลและวิถีในตลาดท้องถิ่นสูง
ด้านโครงการไฮไลต์ของศุภาลัยปีนี้ ในแง่การลงทำเลที่ไม่ได้เปิดมานาน แบรนด์ใหม่ หรือโปรดักส์ใหม่ที่จะมีต่อเนื่อง เช่น
- ศุภาลัย แกรนด์ เอสเซ้นส์ อรุณอัมรินทร์ ราคาเริ่ม 10 ล้านกลาง
- ศุภาลัย ไพรม์ วิลล่า กรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ – มอเตอร์เวย์ ราคาเริ่ม 10 ล้านบาท++
- ศุภาลัย ริเวียร่า ศูนย์ราชการเชียงราย ราคาเริ่ม 5-6 ล้านบาท
- คอนโดฯ ศุภาลัย ปาร์ค เอกมัย-พัฒนาการ ราคาเริ่ม 1 ล้านปลาย
- Wellness Village บริเวณ รพ.บางไทร จ.อยุธยา
- คอมมูนิตี้มอลล์ 2 แห่งที่ บ่อวิน จ.ชลบุรี และ บ้านค่าย จ.ระยอง
ไตรเตชะกล่าวว่า ในภาพรวมปีนี้ศุภาลัยยังเน้นตลาดกลางถึงบนเป็นหลักเช่นเดิม โดยสัดส่วนกลุ่มราคาสินค้าจะอยู่ที่ 4-7 ล้านบาทประมาณ 50% ของพอร์ต และกลุ่มตลาดบน 10 ล้านบาทขึ้นไปจะมีประมาณ 10%
โครงการเปิดใหม่จะเน้นในกลุ่มบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด เนื่องจากตลาดที่ฟื้นตัวก่อนในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ก็จะยังคงเป็นตลาดบน
ส่วนมุมมองต่อตลาดรวมอสังหาริมทรัพย์ปีนี้ ไตรเตชะมองว่าจะยังคง “นิ่งๆ” โตไม่เกิน 5% และภาพของรายใหญ่ที่เข้ามาโหมกินตลาดจะสูงยิ่งกว่าปีที่แล้ว