“สิงห์ เอสเตท” ปี’66 ลุยเปิด “บ้านเดี่ยวหรู” 5 โครงการ ทดแทนตลาดคอนโดฯ หรูที่ยังซบเซา

สิงห์ เอสเตท
ก่อนหน้านี้ “สิงห์ เอสเตท” เน้นพัฒนาคอนโดมิเนียมลักชัวรีเป็นหลัก แต่ตั้งแต่ปีก่อน บริษัทหันมาเน้นตลาด “บ้านเดี่ยวหรู” มีการเปิดตัวโครงการ “ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส พัฒนาการ 32 และปี 2566 จะยังคงพัฒนาเฉพาะตลาดบ้านเดี่ยวระดับบนต่อเนื่อง 5 โครงการ มองตลาดคอนโดฯ ลักชัวรียังไม่ฟื้น

“ณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการพัฒนาธุรกิจพักอาศัย บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนบริษัทในปี 2566 จะยังคงพัฒนาเฉพาะตลาดโครงการแนวราบ ยังไม่มีการพัฒนาคอนโดมิเนียม โดยปีนี้จะเปิดตัว “บ้านเดี่ยวหรู” ทั้งหมด 5 โครงการ มูลค่ารวม 10,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทแบ่งเซ็กเมนต์บ้านหรูออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่

  • Ultra Luxury ราคามากกว่า 100 ล้านบาท
  • Super Luxury ราคา 50-100 ล้านบาท
  • Premium Luxury ราคา 20-50 ล้านบาท
  • Luxury ราคา 10-20 ล้านบาท
สิงห์ เอสเตท
คณะผู้บริหาร สิงห์ เอสเตท

ที่ผ่านมาสิงห์ เอสเตทมีการพัฒนาบ้านหรูมาเพียง 2 แบรนด์ คือ สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส ในกลุ่ม Ultra Luxury และ ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส ในกลุ่ม Super Luxury แต่ในปีนี้จะเริ่มแตกแบรนด์ลงไปในกลุ่ม Premium Luxury และ Luxury ด้วย

วางแผนการเปิดตัว 1 โครงการภายในไตรมาส 2 นี้ และอีก 4 โครงการที่เหลือในช่วงครึ่งปีหลัง ทำเลจะมีทั้งฝั่งกรุงเทพฯ ตะวันออก กรุงเทพฯ ตะวันตก และใจกลางซีบีดี

“ปีนี้ยังไม่มีการเปิดคอนโดฯ เพราะเรายังมีสต็อกขายเพียงพอ และเรามองตลาดคอนโดฯ ลักชัวรีก็ยังไม่กลับมา” ณัฐวุฒิกล่าว “ตั้งแต่ปีที่แล้วที่มีการเปิดคอนโดฯ ใหม่กันมาก จะเห็นว่าเป็นกลุ่มราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ตลาดที่ขายดีก็เป็นกลุ่มซื้อไว้ปล่อยเช่ามากกว่า”

ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส พัฒนาการ 32

ขณะที่โครงการบ้านหรูแห่งที่สองของบริษัทคือ “ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส พัฒนาการ 32” มูลค่าโครงการ 2,900 ล้านบาท ซึ่งเริ่มเปิดตัวในช่วงปลายปีก่อน จนถึงปัจจุบันสามารถปิดยอดจองไปได้ 95% และทยอยโอนกรรมสิทธิ์ไปแล้ว 830 ล้านบาท

ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส พัฒนาการ 32 เป็นคฤหาสน์หรูราคา 65-180 ล้านบาท บนที่ดิน 23 ไร่ แบ่งแปลงออกเพียง 28 หลัง หลังจากเปิดตัวถือว่าได้เสียงตอบรับที่ดีมาก ขณะนี้เหลือขายเพียง 2 หลังสุดท้าย สะท้อนดีมานด์ของกลุ่มเศรษฐีที่ยังต้องการบ้านหลังใหม่

สิงห์ เอสเตท
ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส พัฒนาการ 32

“ตลาดอสังหาฯ หลังโควิด-19 เติบโตเป็น ‘K-Shape’ เพราะตลาดกลางถึงล่างซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าพนักงานเงินเดือน กลุ่มนี้จะเริ่มลำบากมากขึ้นจากความเข้มงวดในการปล่อยกู้สินเชื่อของธนาคาร และอัตราดอกเบี้ยก็สูงขึ้น พร้อมกับสภาวะเศรษฐกิจฝืด แต่ตลาดบนคือกลุ่มผู้ซื้อบ้านราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป กลุ่มนี้ไม่ได้รับผลกระทบจากดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านที่สูงขึ้น และโควิด-19 กลับยิ่งเป็นตัวเร่งให้คนกลุ่มนี้ต้องการบ้านหลังใหญ่กว่าเดิมอีกด้วย”

เมื่อมองตลาดเศรษฐีซึ่งสิงห์ เอสเตทมีฐานลูกค้าและมีความเข้าใจ แนวโน้มจะต้องการบ้านเดี่ยวมากกว่าคอนโดฯ จึงทำให้บริษัทวางแผนพลิกมาพัฒนาบ้านแทน และลงไปเล่นในระดับราคาที่ต่ำกว่าที่เคย คือน้อยกว่า 100 ล้านบาท เพื่อเก็บฐานตลาดให้ได้กว้างขึ้น

รายได้ของสิงห์ เอสเตทเฉพาะส่วนที่มาจากธุรกิจที่อยู่อาศัย ณัฐวุฒิคาดว่าจะมาจากโครงการแนวราบ 70% และโครงการแนวสูง 30% ต่างจากยุคก่อนโควิด-19 ที่มาจากคอนโดฯ เป็นสัดส่วนสูงกว่ามาก ส่วนจะกลับมาพัฒนาคอนโดฯ เมื่อใดนั้น ขึ้นอยู่กับจังหวัดตลาดในอนาคต