เบื้องหลังความฝันของ “VERAPARIS” กระเป๋าหนัง “แบรนด์ไทย” ที่จะก้าวไปสู่เวทีโลก

VERAPARIS
กระเป๋าหนังชื่อแบรนด์เหมือนของนอกแต่จริงๆ แล้วเป็นฝีมือคนไทยทั้งสิ้น ด้วยเอกลักษณ์ของงานออกแบบทำให้ยืนระยะในตลาดมาได้นาน 8 ปี ทำยอดขายสะสมไปแล้วมากกว่า 1 แสนใบ “VERAPARIS” แบรนด์ไทยที่ก่อตั้งโดย “วิไลพร ศิรินภาพันธ์” ผู้วิ่งไล่ตามแพสชัน ทิ้งตำแหน่งในบริษัทระดับโลกมารับความท้าทายใหม่ในโลกงานดีไซน์ และวันนี้ความฝันที่จะส่งกระเป๋าของตนเองไปเฉิดฉายในต่างประเทศเริ่มใกล้เคียงความจริงแล้ว

ย้อนไปเมื่อ 8 ปีก่อน “วิไลพร ศิรินภาพันธ์” ดีไซเนอร์และผู้ก่อตั้งแบรนด์ VERAPARIS ยังทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดในบริษัทสินค้า FMCG ยักษ์ใหญ่ ด้วยหน้าที่การงานทำให้เธอได้ไปเยือนต่างประเทศบ่อยครั้ง และได้เห็นงานศิลปะเครื่องหนังของดีไซเนอร์ท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร จนเกิดเป็นคำถามว่า ‘ทำไมในเมืองไทยไม่มีแบรนด์แบบนี้บ้าง’

จากคำถามนั้น ผนวกกับแพสชันเรื่องกระเป๋า เครื่องหนัง และงานศิลปะของตัวเอง ทำให้วิไลพรในวัย 39 ปี ณ ขณะนั้น ตัดสินใจครั้งใหญ่ สละตำแหน่งที่กำลังรุ่งๆ ในบริษัทชั้นนำ มาลงทุนธุรกิจกระเป๋าหนังของตัวเอง

“เราไม่มีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อนเลย แต่อาศัยว่าชอบศิลปะ วาดรูปพอได้ ก็ลองดีไซน์กระเป๋าเอง ตามหาของ หาช่างตัดเย็บ ขึ้นกระเป๋าโปรโตไทป์มาถือใช้เองก่อน ปรากฏว่าคนรอบข้างชมเยอะ เราเลยคิดว่า น่าจะดี น่าจะทำได้” วิไลพรกล่าวถึงจุดเริ่มต้นของการสร้างแบรนด์ VERAPARIS

VERAPARIS
วิไลพร ศิรินภาพันธ์ พลิกตัวเองสู่การเป็นดีไซเนอร์กระเป๋า ปัจจุบันเธออายุ 47 ปี

ขวบปีแรกของแบรนด์เกิดในยุคเฟื่องฟูของการขายสินค้าออนไลน์ โดยเฉพาะการขายผ่าน Facebook บวกกับความรู้ทางการตลาดที่มีเป็นทุนเดิม ทำให้เปิดตัวปังขายได้ 2 ล้านบาทภายในปีแรก

เมื่อตั้งต้นได้แล้วในปีต่อมาวิไลพรจึงกล้าลงทุนมากขึ้น เริ่มมีการสั่งหนังแท้จากอิตาลีเข้ามาผลิต และมีจุดเปลี่ยนอีกครั้งเมื่อเริ่มออกแบบ “กระเป๋าสตางค์” เพราะเป็นสินค้าชิ้นเล็ก เหมาะกับการให้ลูกค้าซื้อเพื่อ ‘เปิดใจ’ ทดลองใช้แบรนด์ แล้วจึงต่อยอดมาซื้อสินค้าชิ้นใหญ่ขึ้น นั่นทำให้ยอดขายพุ่งเป็น 2 ล้านบาทต่อเดือน

VERAPARIS
สินค้าชิ้นเล็ก เช่น กระเป๋าสตางค์ คือสิ่งที่ช่วยเปิดใจลูกค้าให้ทดลองใช้แบรนด์

 

อยู่ให้ได้ต้องมี “เอกลักษณ์”

VERAPARIS ค่อยๆ เติบโตมาต่อเนื่อง จนปัจจุบันมียอดขายสะสมมากกว่า 1 แสนใบ คิดเป็นมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท และมีผู้ติดตามใน Facebook Page ของแบรนด์มากกว่า 2.2 แสนคน

การจะยืนระยะมาได้นานขนาดนี้ ‘ไม่ง่าย’ เพราะตลาดกระเป๋าแข่งขันกันสูง ทั้งแข่งกับแบรนด์นอกและในไทยด้วยกัน

วิไลพรกล่าวว่า ในยุคที่แบรนด์ของเธอเริ่มต้น มีเพื่อนแบรนด์ไทยที่ทำมาพร้อมกันไม่ถึง 10 ราย แต่แบรนด์ที่อยู่ถึงวันนี้มีน้อยกว่านั้น เพราะตลาดมีผู้เล่นเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะช่วงโควิด-19 ที่ผลักดันให้มีการเปิดแบรนด์กระเป๋าหนังทั้งแท้และเทียมมากกว่า 150 แบรนด์! เพราะเป็นจุดเปลี่ยนทางเศรษฐกิจ ช่างเย็บกระเป๋าถูกเลย์ออฟจากโรงงานรับจ้างผลิต เจ้าของแบรนด์ที่มีความฝันจึงเปิดแบรนด์กันง่ายขึ้นเพราะมีช่างพร้อมรอรับการจ้างงาน

VERAPARIS
เจ้าของแบรนด์ในสำนักงานใหญ่ที่อาคารรุ่งโรจน์พัฒนา แหล่งรวมมู้ดบอร์ดและห้อง workshop ที่รวมทุกวัสดุสำหรับการออกแบบ

ทำไม VERAPARIS ยังโดดเด่นท่ามกลางตลาดคู่แข่งจำนวนมาก จากการพูดคุยกับวิไลพรและสิ่งที่ทีม Positioning สัมผัส มีหลายองค์ประกอบที่ทำให้แบรนด์ขายได้ต่อเนื่อง

อย่างแรกคือ “ตัวสินค้า” กระเป๋าของ VERAPARIS มีเอกลักษณ์ ด้วยรายละเอียดที่มีลูกเล่นพิเศษ เช่น กระเป๋าซิกเนเจอร์รุ่น Lundi ซึ่งดีไซน์เป็นทรงกล่องที่มีหูค้างคาวขึ้นมา เป็นลักษณะที่ลอกเลียนได้ยาก ตรงคอนเซ็ปต์ที่วางตัวเองเป็นกระเป๋าคลาสสิก หยิบใช้งานง่าย แต่มีความไม่ธรรมดา

รวมถึงสินค้าจะเน้นคุณภาพงาน เพราะกลุ่มเป้าหมายเป็นลูกค้าสาวคนเมืองวัย 25-35 ปีในระดับกลางบน ทำให้คุณภาพสินค้าต้อง ‘ถึง’ ให้ลูกค้ากลุ่มนี้ยอมรับ กระเป๋าบางรุ่นวิไลพรจึงใช้เวลาเป็นปีออกแบบ เพราะต้องปรับดีไซน์จนกว่าจะพอใจ และตามหาซัพพลายเออร์ที่ผลิตวัสดุได้ตรงจินตนาการ

กระเป๋ารุ่น Lundi เป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์

นอกจากนี้จะเป็นเรื่อง “แบรนดิ้ง” ที่ต้องสร้างความแตกต่าง โดย VERAPARIS ใช้แท็กไลน์ว่า “Be Real Me” คือเน้นกระเป๋าที่สื่อถึงผู้หญิงที่เป็นตัวตนของตนเอง ไม่ต้องไล่ตามใคร

สุดท้ายคือ “ใส่ใจการบริการ” โดยทีมงานแอดมินถูกเทรนให้ใส่ใจลูกค้าสูง เพราะเป็นแบรนด์ที่เกิดจากการขายออนไลน์ (ปัจจุบันยอดขาย 70% ก็ยังมาจากช่องทางออนไลน์) ดังนั้น ทีมงานต้องให้ข้อมูลได้ละเอียดเพื่อให้ลูกค้าไว้ใจ ลูกค้าสามารถขอดูรูป/วิดีโอได้ทุกมุม และมีการรับประกันไม่พอใจสินค้ายินดีคืนเงิน

กระเป๋ารุ่น Alexa

ทั้งหมดทำให้มัดใจลูกค้าได้ และมีอัตราการซื้อซ้ำ 70-80% ในคอลเล็กชันใหม่ที่ออกมักจะมีลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่กลุ่มละ 50% สะท้อนให้เห็นว่าแบรนด์มีแฟนคลับที่ติดตาม

“ลูกค้าเราส่วนมากเป็นคนที่ใช้แบรนด์เนมเมืองนอกมาก่อน แต่เขาหันมาลองใช้ของเราเพราะยุคนี้คนมักจะต้องการสิ่งที่แสดงตัวตนมากขึ้น ลูกค้าพร้อมเปิดใจรับอะไรใหม่ๆ และเมื่อใช้ดีเขาก็เลือกซื้อเราต่อ และบอกต่อให้คนอื่นด้วย” วิไลพรกล่าว

 

กระเป๋าหนังไทยจะ ‘โกอินเตอร์’

ความฝันของวิไลพรที่จะส่งกระเป๋าของตัวเองไปตีตลาดต่างประเทศนั้นปักเป้าไว้ชัดๆ ตั้งแต่ชื่อแบรนด์แล้ว เพราะชื่อ VERAPARIS มาจากคำ 2 คำ คือ VERA เป็นภาษาละตินแปลว่า ความซื่อสัตย์ ส่วนคำว่า PARIS มาจากสถานที่ที่วิไลพรได้แรงบันดาลใจในการเริ่มดีไซน์กระเป๋า และเป็นที่ที่วันหนึ่งจะส่งกระเป๋ามาจำหน่ายให้ได้

“ที่จริงชื่อนี้เคยทำให้เราเขวไปพักหนึ่งเหมือนกัน เพราะคนมักจะทักเข้ามาว่าแบรนด์เราไม่เห็นเกี่ยวกับอะไรกับเมืองปารีสเลย เขวขนาดว่าเราเคยตัดคำว่า PARIS ออกจากชื่อ จนกระทั่งผู้ใหญ่ที่เคารพท่านหนึ่งทักบ้างว่า ทำไมเราถึงไขว้เขวกับเส้นทางที่ตัวเองตั้งใจ เราก็เลยกลับมาใช้ชื่อเดิมอีกครั้ง” วิไลพรกล่าว

VERAPARIS ในงาน APLF 2022

ในที่สุดความตั้งใจนั้นดูใกล้ความจริงมากขึ้น หลังจากมีการจัดงานแสดงเครื่องหนัง Asia Pacific Leather Fair (APLF) ASEANSpecial Edition 2022 ขึ้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อเดือนตุลาคมปีก่อน และวิไลพรได้รับเลือกเป็น Top 10 ดีไซเนอร์ภายในงานนี้ จากแบรนด์ที่เข้ามาแสดงสินค้ากว่า 200 ราย และมาจาก 28 ประเทศทั่วโลก

การได้รับเลือกทำให้ประตูการโกอินเตอร์เปิดออก เพราะ APLF สร้างเครือข่ายให้ได้รู้จักกับโรงฟอกหนังเก่าแก่จากอิตาลีและผู้ซื้อ/ผู้จัดจำหน่ายจากดูไบ ทำให้แบรนด์มีโอกาสได้พัฒนากระเป๋ารุ่นพิเศษเพื่อจะเป็นรุ่นทดลองส่งไปวางขายที่ UAE

ลูกค้าเราส่วนมากเป็นคนที่ใช้แบรนด์เนมเมืองนอกมาก่อน แต่เขาหันมาลองใช้ของเราเพราะยุคนี้คนมักจะต้องการสิ่งที่แสดงตัวตนมากขึ้น ลูกค้าพร้อมเปิดใจรับอะไรใหม่ๆ และเมื่อใช้ดีเขาก็เลือกซื้อเราต่อ และบอกต่อให้คนอื่นด้วย

ก่อนหน้านี้รุ่นพี่กระเป๋าแบรนด์ไทยที่เคยประสบความสำเร็จในต่างประเทศมาแล้ว เช่น BOYY เป็นตัวอย่างที่ดีว่าแบรนด์ไทยทำได้ และวิไลพรกำลังจะตามรอยไปเหมือนกัน นอกจากส่งไปกับผู้จัดจำหน่ายแล้ว เดือนเมษายนนี้ VERAPARIS จะเปิด pop-up store ขึ้นที่สยามพารากอน เป้าหมายทดลองตลาดกับกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติว่าถ้าได้เห็นได้สัมผัสกระเป๋าแล้ว จะถูกใจหรือไม่

“เรามั่นใจว่าทำได้ เพราะโปรดักส์เราพร้อมเทียบตลาดต่างชาติ และดีไซน์กระเป๋าเราเข้าใจง่ายสำหรับทุกชาติ” วิไลพรกล่าว

เมื่อถามว่าเธอตั้งเป้าจะเห็นความฝันเป็นความจริงเมื่อไหร่ ด้วยสไตล์การทำงานแบบศิลปินทำให้วิไลพรไม่กดดันตัวเอง “เรากำลังเดินเข้าหาฝันทุกวัน เรามีความสุขกับการได้ทำกระเป๋าสวยๆ ให้ลูกค้าทุกวัน เราเชื่อว่าถ้า ‘keep going’ มันจะเป็นไปได้”

 

อ่านเรื่องที่น่าสนใจเพิ่มเติม