เปิดตัว INSTAX mini 12 รุ่นล่าสุดจาก “ฟูจิฟิล์ม” ลุยตลาดวัยรุ่น โหมกระแส “กล้องฟิล์มอินสแตนท์” โต non-stop


“ฟูจิฟิล์ม” เปิดตัว INSTAX mini 12 กล้องฟิล์มอินสแตนท์รุ่นล่าสุด ปรับปรุงใหม่ให้แสงแฟลชเบาลง ปรับโฟกัสได้ดีขึ้น เจาะกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น Gen Z มาพร้อมกับแอปฯ INSTAX UP อัปโหลดรูปฟิล์มกลับเป็นดิจิทัลได้คมชัด โหมกระแสตลาดกล้องฟิล์มอินสแตนท์ที่เติบโตต่อเนื่องท่ามกลางโรคระบาด ปี 2565 โตพุ่งถึง 150% !

บริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด ครองตลาดเบอร์ 1 กล้องฟิล์มอินสแตนท์ในไทยมาอย่างต่อเนื่อง มีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 90% และปี 2566 นี้บริษัทยังคงโหมตลาดรับกระแสผู้บริโภคกลับมาใช้ชีวิตนอกบ้าน เปิดตัวกล้องรุ่นใหม่ INSTAX mini 12 สีสันสดใสน่ารัก เจาะกลุ่มวัยรุ่น Gen Z

ภาสิณ จันทรสุนทรกุล Head of Business Unit, Imaging Solutions บริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงกล้องรุ่นใหม่ล่าสุด INSTAX mini 12 ที่มาพร้อมกับการอัปเดตฟังก์ชันและดีไซน์ให้ดียิ่งขึ้น ได้แก่

· ปรับโฟกัสได้ดีขึ้น สามารถถ่ายรูป close-up ได้คมชัด จากโหมดถ่ายระยะใกล้ของกล้อง

· ปรับแสงแฟลชกล้องให้นุ่มนวล เหมาะกับการถ่ายรูปบุคคล

· ดีไซน์กล้องให้จับถนัดมือ โค้งมน รูปทรงน่ารักมากขึ้น แรงบันดาลใจจากลูกโป่งสีพาสเทล

ทั้งหมดเป็นการปรับปรุงจาก feedback ของผู้ใช้กล้องตระกูล mini ในรุ่นก่อนๆ ปรับฟังก์ชันให้การถ่ายรูปเซลฟี่สวยงามเพอร์เฟ็กต์มากกว่าที่เคย

โดยกล้อง INSTAX mini 12 มีทั้งหมด 5 สีให้เลือก ได้แก่ สีขาว สีม่วง สีเขียว สีชมพู และสีฟ้า เปิดจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2566 ในราคา 2,690 บาท ทุกสีทุกช่องทางการขาย

ภาสิณกล่าวว่า หลังเปิดรอบจองก่อนวางจำหน่าย (pre-book) ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา ยอดจองถือว่าสูงกว่าที่บริษัทคาดไว้ สะท้อนให้เห็นดีมานด์จากกลุ่มลูกค้า

บริษัทยังทำการตลาดอีเวนต์ “Fill Your World with Joy” เปิดตัว INSTAX mini 12 ไปเมื่อวันที่ 11-12 มีนาคม 2566 ณ สยามเซ็นเตอร์ จัดกิจกรรมให้ผู้บริโภคมาร่วมสนุก พร้อมคอนเสิร์ตจากน้องๆ วง PIXXIE รวมถึงเปิด pop-up store ที่สยามดิสคัฟเวอรี ชั้น 2 ตั้งแต่วันนี้ – 2 เมษายน 2566 เพื่อให้ลูกค้าที่สนใจได้เข้ามาสัมผัสและทดลองใช้งานกล้องรุ่นใหม่

นอกจากนี้ ฟูจิฟิล์มยังพัฒนาแอปพลิเคชัน “INSTAX UP” และเปิดตัวพร้อมกับกล้องรุ่นนี้ด้วย โดยเป็นแอปฯ ให้ผู้ใช้กล้องฟิล์มอินสแตนท์ของฟูจิฟิล์มทุกรุ่น สามารถใช้แอปฯ เพื่อสแกนรูปจากฟิล์มที่ใช้งานแล้ว อัปโหลดเป็นไฟล์ดิจิทัลกลับเข้ามาเก็บเป็นที่ระลึกในโทรศัพท์มือถือ เป็นการตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่มักจะหยิบมือถือมาถ่ายรูปฟิล์มอินสแตนท์เก็บไว้อยู่แล้ว แต่การใช้แอปฯ INSTAX UP สแกนจะทำให้ภาพไม่สะท้อนเงาแสง ภาพดิจิทัลคมชัดกว่าการใช้แอปฯ กล้องปกติถ่ายฟิล์ม


เจาะตลาดวัยรุ่น Gen Z ที่คิดถึง ‘โลกอนาล็อก’

สำหรับกล้องฟิล์มอินสแตนท์ของฟูจิฟิล์ม ภาสิณกล่าวว่าตลาดสามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มกล้อง entry-level ในตระกูล mini และกลุ่มกล้องไฮบริดสำหรับมืออาชีพ

“ภาสิณ จันทรสุนทรกุล” Head of Business Unit, Imaging solution บริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด

โดยกล้องในระดับ entry-level จะเน้นเรื่องฟังก์ชันกล้องใช้งานง่าย ราคาไม่สูง รูปลักษณ์ถูกใจกลุ่มวัยรุ่นโดยเฉพาะผู้หญิง รวมถึงกล้อง INSTAX mini 12 ก็เช่นกัน ยังคงเน้นเจาะตลาดวัยรุ่น Gen Z ตั้งแต่ช่วงวัยมัธยมปลาย มหาวิทยาลัย จนถึงวัยเริ่มทำงาน (first jobbers)

“เสน่ห์ของกล้อง INSTAX คือการ ‘Capture the Moment’ เป็นรูปเก็บความทรงจำที่มีเพียง 1 ใบเท่านั้น และฟิล์มที่ออกมาทันทีทำให้เป็นสิ่งของที่จับต้องได้ ใช้เป็นของขวัญเป็นที่ระลึกให้คนสำคัญได้” ภาสิณกล่าว “คนในเจนเนอเรชันนี้เองก็โหยหาโลกอนาล็อกเหมือนกัน เขาเองอยากจะทดลองประสบการณ์แปลกใหม่และลองใช้สิ่งของที่มีลักษณะ manual ทำให้สินค้าของเรายังขายดี”

แม้แต่ในช่วงโควิด-19 ระบาด ภาสิณกล่าวว่ากล้อง INSTAX ก็ยังทำยอดขายเติบโตทุกปี โดยเฉพาะปี 2565 ที่ยอดขายทั่วโลกโตถึง 150% รวมถึงในไทยการเติบโตก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เหตุที่ยอดขายยังแรงเพราะผู้บริโภคมองว่าการถ่ายรูปฟิล์มอินสแตนท์เป็นกิจกรรมที่ทำได้แม้จะใช้ชีวิตในบ้าน ใช้ถ่ายกิจกรรมในครอบครัว สัตว์เลี้ยง โมเมนต์ที่ ‘ดีต่อใจ’ เป็นต้น

ในปี 2566 ตลาดก็น่าจะยังเติบโตเพราะเป็นปีที่ผู้บริโภคกลับมาใช้ชีวิตนอกบ้าน ทำให้ฟูจิฟิล์มมีแผนจะเปิดตัวกล้องฟิล์มอินสแตนท์รวม 3-4 รุ่น ถือเป็นปีที่เปิดตัวกล้องรุ่นใหม่มากกว่าปกติ โหมกระแสตลาดที่จะยิ่งเป็นขาขึ้นจากนี้