การเป็นศิลปินระดับซูเปอร์สตาร์มาได้นานถึง 37 ปีไม่ได้เกิดขึ้นเพราะโชคช่วย แต่มาจากทัศนคติและวินัยที่เข้มแข็ง Positioning มีโอกาสได้พูดคุยกับ “พี่เบิร์ด–ธงไชย แมคอินไตย์” ตำนานศิลปินที่อยู่มาทุกยุค ขอเคล็ดวิชา “การทำงาน” ที่ทำให้พี่เบิร์ดยังมีไฟในการผลิตผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง
“ธงไชย แมคอินไตย์” หรือ “พี่เบิร์ด” ของทุกคนปล่อยอัลบัมแรก “หาดทราย สายลม สองเรา” ออกมาตั้งแต่ปี 2529 นับถึงวันนี้ผ่านมา 37 ปีโดยที่พี่เบิร์ดไม่เคยหยุดสร้างผลงานเพลงใหม่ๆ ยังคงมีงานแสดงคอนเสิร์ตสม่ำเสมอ และยังคงถูกยกย่องเป็นซูเปอร์สตาร์นักร้องเบอร์ 1 ของประเทศไทยอย่างไร้ข้อกังขา
ว่าที่จริงแล้วสรรพสิ่งย่อมมีขึ้นแล้วมีลง แต่พี่เบิร์ดดูจะยังไม่ยอมถึงขาลงง่ายๆ แม้โลกจะหมุนไปเร็วขึ้น พร้อมด้วยแนวเพลงแนวดนตรีใหม่ๆ แต่พี่เบิร์ดยังคงอยู่พร้อมพิสูจน์ตัวว่า “อยู่มาทุกยุค” และจะยุคไหนพี่ก็จะอยู่ ด้วยงานเพลงที่สามารถปรับตามสมัยนิยม เปิดกว้าง มีผลงานคอลแลปกับศิลปินคลื่นลูกใหม่ ไม่เคยมีคำว่า ‘เอาต์’ สำหรับชายคนนี้
สิ่งเหล่านี้ทำให้พี่เบิร์ดยังคงเป็นศิลปินร่วมสมัยแม้จะอยู่ในวัยย่าง 65 ปี และเป็น “การทำงาน” ที่เราอยากขอเคล็ดวิชาเพื่อนำมาสร้างความเป็นซูเปอร์สตาร์ในตัวเองเช่นกัน
Q: คำถามแรกที่ทุกคนอยากรู้คือพี่เบิร์ดเคยมีอาการหมดไฟ (burn out) แบบที่คนรุ่นใหม่ชอบพูดกันบ้างไหม
พี่เบิร์ด: เออ ทำไมพี่ไม่หมดเลยวะ พี่มีอยู่ตลอดเวลาเลย พี่คิดว่าเราต้องอยู่กับเขาให้ดี (เขา = งานที่ตัวเองทำ) แล้วก็สอบถามซักถามตัวเองให้ดีว่าชอบเขาหรือรักเขาตรงไหน
แล้วก็พี่เบิร์ดโตมาตั้งแต่อัลบัมแรกจนถึงอัลบัมนี้ ไม่มีนักร้องคนไหนทำอย่างที่พี่เบิร์ดทำ คือ พี่เบิร์ดสั่งทำ backing track ตั้งแต่วันแรกที่พี่เบิร์ดเข้ามาจนถึงวันนี้ มีทุกเพลงเลย แล้วพี่เบิร์ดเปิดร้องทุกวัน วันละหนึ่งหรือสองคอนเสิร์ต แล้วพี่เบิร์ดจะทำอย่างไรให้ร้องให้ได้เหมือนในเทปที่พี่เต๋อ (เต๋อ-เรวัติ พุทธินันทน์) เป็นคนดูแล แล้วทำไมเสียงพี่เบิร์ดเปลี่ยน แล้วถ้าร้องไม่เหมือนเดิมล่ะ อย่างนี้มันจะได้ประเมินตัวเองด้วย เราไม่สามารถที่จะโกหกตัวเองได้หรอก
Q: อาการหมดไฟมักจะชอบตามมาด้วยความไม่มั่นใจในความสามารถของตนเอง พี่เบิร์ดทำอย่างไรให้มั่นใจว่าเราเก่งจริง
พี่เบิร์ด: คือพี่ว่าเราต้องรู้ให้จริงก่อนว่าเราทำอะไร ต้องรู้ให้จริงก่อน เช่น หน้าที่ของเราเป็นนักข่าว ต้องรู้ให้จริงว่านักข่าวขายอะไร ทำไมต้องเป็นนักข่าว นักข่าวที่ดีคืออะไร ไม่ควรทำคืออะไร ไม่ควรพูดคืออะไร ควรทำคืออะไร ควรทำการบ้านแค่ไหน อย่างนี้ครับ
จริงๆ ความนานมันดีนะ มันดีกว่าความเร็ว เพราะความนานทำให้เรามั่นใจ แค่มั่นใจก็พอแล้ว
Q: ทำอย่างไรพี่เบิร์ดถึงยังทันสมัยไม่ตกเทรนด์เลย
พี่เบิร์ด: ก็อย่าขี้เกียจไง (หัวเราะ) ดูไปสิ TikTok เอยอะไรเอย พี่เบิร์ดเล่นโซเชียลมีเดียทุกอย่างเลยนะ
ล่าสุด Netflix เขายังเอา(คอนเสิร์ต)ของพี่เบิร์ดไปออกเต็มไปหมดเลย พี่จึงได้ learning by doing คือพี่เบิร์ดแข่งกับอะไรรู้ไหมตอนนี้ พี่เบิร์ดแข่งกับตัวพี่เองใน Netflix ย้อนกลับไปดูแล้วพี่เบิร์ดต้องแข็งแรงขนาดนี้ ต้องหล่ออย่างนี้ ต้องแดนซ์ขนาดนี้ อันนี้ไม่ดีตัดทิ้ง อันนี้ต้องไม่มีนะเบิร์ด มันดีมากนะ
Q: พี่เบิร์ดคิดอย่างไรกับคำว่า รุ่นใหม่–รุ่นเก่า
พี่เบิร์ด: พี่เบิร์ดเป็นคนนะ เป็นเหมือนทุกๆ คน เป็นเหมือนคนรุ่นใหม่ เป็นคนรุ่นเก่า เป็นคนทุกรุ่นเลย พี่เบิร์ดไม่เคยคิดว่าใครจะรุ่นใหม่ใครจะรุ่นเก่า That’s people ทั้งนั้น คนทั้งนั้นเลย
การ name it คิดว่าตัวเองเป็นคนรุ่นใหม่ คิดว่าตัวเองเป็นคนรุ่นเก่า นั่นแหละคืออันตรายที่สุด วันๆ ไม่ทำอะไร คิดถึงแต่เรื่องที่เราจะ name it ว่าอันนี้แก่ อันนี้อ่อน อันนี้เด็ก อันนี้เกย์ อันนี้แต๋ว อันนี้ตุ๊ด มันเหนื่อยนะ สู้เอาเวลาเหล่านั้นมาพัฒนาตัวเองดีกว่า
Q: เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็อยากเป็นซูเปอร์สตาร์ มีเคล็ดลับอะไรจะบอกไหมคะ
พี่เบิร์ด: อยากให้ลองมาเป็นพี่เบิร์ดสัก 3 วัน แล้วจะลาออกทันทีเลย (หัวเราะ)
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในการเป็นคนดังคือถึงแม้ว่าไม่มีคนดู ไม่มีคนเห็นพี่เบิร์ด แต่ต้องทำให้เหมือนคนดูพี่เบิร์ดตลอด ต้องออกกำลังกาย ต้องกินให้น้อย ต้องนอนให้เยอะ ต้องไม่ไปในสถานที่อโคจร พี่เบิร์ดไม่เคยไปเลย ไม่มีเลยนะ
Q: แล้วตัวพี่เองเคยอยากลาออกจากการเป็นซูเปอร์สตาร์บ้างหรือเปล่า
พี่เบิร์ด: ไม่เคยเลยแม้แต่วินาทีเดียว ไม่เคยเลย เพราะพี่เลือกแล้ว และพี่ born to be ด้วย พี่ทำงานแบบนี้มานานๆ เนี่ย ยิ่งทำให้เรารู้ว่าเรามาได้ถูกทางแล้ว เราจึงไม่มีอาการเบื่อ ท้อน่ะมี คนเรามันต้องมีแน่ ‘อะไรวะเนี่ย กูจะทำได้หรอ’ มันมีอยู่แล้ว การที่ต้อง ‘ฮึบ (กัดฟัน) ต้องทำได้’ มันก็มีครับ
Q: เรื่องอะไรที่พี่เบิร์ดท้อ และพี่ผ่านมาได้อย่างไร
พี่เบิร์ด: เรื่องเกี่ยวกับงานทั้งนั้นเลยครับ เรื่องเต้น เรื่องร้อง แต่พี่เบิร์ดจะไม่ยอมพูดคำว่า ‘ไม่เอา ไม่ไหว’ ไม่เคยได้ยินจากปากพี่เบิร์ดเลย มีแต่คำว่า ‘ไม่พอ พอแล้วเหรอ’ แล้วพี่เบิร์ดค่อยไปเหนื่อยที่บ้าน อะไรแบบนี้เกิดขึ้นได้ แต่ต้องอยู่คนเดียว ไม่สามารถจะบอกให้ทุกคนรู้ว่าเหนื่อย เพราะพี่เบิร์ดไม่ได้ทำงานคนเดียว แต่ทำงานกับทั้งหมู่คณะเลยครับ
…แต่พี่เบิร์ดจะไม่ยอมพูดคำว่า ‘ไม่เอา ไม่ไหว’ ไม่เคยได้ยินจากปากพี่เบิร์ดเลย มีแต่คำว่า ‘ไม่พอ พอแล้วเหรอ’
Q: ทั้งการทำงานและชีวิตส่วนตัว มีอะไรที่พี่เบิร์ดอยากทำแล้วยังไม่ได้ทำอีกไหม
พี่เบิร์ด: (นิ่งคิด) พี่เหมือนพี่ยังไม่ได้ร้องเพลงเลย เหมือนพี่ยังไม่ได้โชว์เลยนะ พี่อยากทำทุกวัน อยากทำตลอดเลย (หัวเราะ)
เอาอย่างนี้ดีกว่าน้อง เชื่อไหมว่า คนที่ต้องมาบอกพี่เบิร์ดว่าถึงเวลาหยุดเต้นไปพักทานข้าวได้เนี่ย ไม่มีเลยนะ เดินหนีกันหมดเลย แต่ถ้าพี่เบิร์ดกินข้าวอยู่แล้วต้องถึงเวลาไปเต้นแล้วเนี่ย มันมากันเป็นโขยงเลยนะ มาเรียกพี่เบิร์ดเต้น อย่างล่าสุดทั้งซ้อมร้องทั้งซ้อมเต้นสนุกสนานมากเลย
พี่ยังคิดว่า ถ้าวันหนึ่งเกิดอายุ 90 แล้ว แล้วจะทำอย่างไรกับพี่เบิร์ดดีวะ พี่ถามพี่น้อย (นกน้อย-พรพิชิต พัฒนถาบุตร ผู้จัดการส่วนตัว) ตลอดเลยนะว่า ‘พี่น้อย พี่น้อยก็อายุ 67 แล้วนะ พี่เบิร์ดก็ 65 แล้ว เราเลิกทำงานกันไหม เลิกกันเหอะ’ พี่น้อยพูดอย่างไรรู้ไหม พี่น้อยบอกว่า ‘พูดหมาๆ’ ‘อ๊าว ทำไมล่ะพี่น้อย’ ‘เอ้า! ก็ถ้าเบิร์ดเลิกเบิร์ดจะไปทำอะไร’ คำนี้แหละ เบิร์ดจะไปทำอะไร เบิร์ดจะออกกำลังกายเพื่ออะไร เบิร์ดจะดูแลตัวเองเพื่อใคร จึงทำต่อไปเอย
ส่วนเรื่องส่วนตัว ยังมีสถานที่ที่ไม่เคยไปและอยากไปคือ วัดพระธาตุพนม เพราะเป็นพระธาตุประจำตัวของพี่น้อยเขา
Q: ชีวิตพี่ช่วงนี้ถ้าให้เลือกเพลงธีมจากอัลบัมของพี่เบิร์ด จะเลือกเพลงไหน
พี่เบิร์ด: พี่เบิร์ดไม่เคยพ้นเพลง “สบาย สบาย” เลยครับ (หัวเราะ) พี่เบิร์ดเป็นคนอย่างนั้นจริงๆ สบาย สบาย จริงๆ ครับ ยังไงก็คิดให้ได้ คิดให้ออก คิดให้ตก แก้ปัญหากัน วันนี้แก้ไม่ได้ จันทร์ถึงอาทิตย์มันก็ต้องมีสักวันวะที่เราแก้ได้ ขีดเส้นใต้ข้ามไปก่อน That’s it!
อ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติม
- เปิดเบื้องหลังประวัติศาสตร์ ‘Grammy x RS’ แม้เป็นคู่แข่งแต่ไม่จำเป็นต้องเป็นศัตรู
- คุยกับ Paper Planes จากวงร็อค All Black สู่เส้นทางตำแหน่ง “หัวหน้าแก๊งฟันน้ำนม”