เทคโนโลยี “เครื่องพิมพ์ 3 มิติ” กลายเป็นสิ่งใหม่ที่ทำให้การทำงานในหลายวงการง่ายขึ้น ตั้งแต่วงการการแพทย์จนถึงแฟชั่น ยานยนต์จนถึงการก่อสร้าง ความเป็นไปได้ที่จะใช้เทคโนโลยีนี้สร้างสรรค์งานโปรโตไทป์นั้นแทบไม่มีขอบเขตจำกัด ไปดูตัวอย่างกันว่า แต่ละวงการใช้เครื่องพิมพ์ 3 มิติเพื่อผลิตอะไรกันบ้าง
ตั้งแต่ที่เทคโนโลยี “เครื่องพิมพ์ 3 มิติ” มีราคาถูกลง โดยเครื่องในระดับเริ่มต้นทำราคาลงมาเหลือเครื่องละ 300 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 10,000 บาท) ทำให้ธุรกิจต่างๆ เข้าถึงการใช้งานได้ง่ายขึ้น
เว็บไซต์ Forbes มีการรวบรวมตัวอย่างจากมืออาชีพในวงการต่างๆ ว่าพวกเขาใช้เครื่องพิมพ์ 3 มิติทำอะไรกันบ้าง
“วงการการแพทย์”
เครื่องพิมพ์ 3 มิติมีประโยชน์มากกับอุตสาหกรรมนี้ เพราะสามารถใช้ผลิตกระดูกเทียมจากโลหะสำหรับปลูกถ่ายให้กับคนไข้ในอวัยวะต่างๆ เช่น หัวเข่า กะโหลก กระดูกสันหลัง สะโพก เป็นต้น หรือในกลุ่มทันตกรรม ก็สามารถใช้ผลิตสิ่งต่างๆ เช่น รีเทนเนอร์ โมเดลจำลอง ได้เช่นกัน
“วงการก่อสร้าง”
เครื่องพิมพ์ 3 มิติถูกนำมาใช้ได้ทั้งกับงานใหญ่และงานเล็ก งานเล็กที่ใช้กันโดยทั่วไปคือนำมาสร้างโมเดลสถาปัตยกรรม
ส่วนงานใหญ่คือมีการนำมาใช้สร้างโครงการจริง เช่น เมื่อปี 2016 บริษัทสถาปัตย์ในประเทศจีน ใช้เครื่องพิมพ์ 3 มิติสร้างบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอย 400 ตารางเมตร เสร็จภายใน 45 วัน และบ้านหลังนี้ยังมีกำแพงหนาพอที่จะทนแรงแผ่นดินไหวขนาด 8 แมกนิจูดได้ด้วย ส่วนอาคารที่ใช้เครื่องพิมพ์ 3 มิติสร้างได้สูงที่สุดในปัจจุบัน เป็นวิลล่าสูง 10 เมตรที่ตั้งอยู่ในกรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย สร้างเมื่อปี 2022
“วงการแฟชั่น”
การใช้เครื่องพิมพ์ 3 มิติผลิตเสื้อผ้าเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2015 โดยดีไซเนอร์ Danit Peleg เป็นคนแรกที่ทดลองใช้งานในโครงงานวิทยานิพนธ์ของเธอ ต่อมาดีไซเนอร์ชาวดัตช์ Iris van Herpen ก็เริ่มนำเครื่องพิมพ์ 3 มิติมาทดลองผลิตงานจริง มีลูกค้านำไปสวมใส่จริงบนพรมแดง Met Gala ปัจจุบันแม้แต่แบรนด์ระดับแมส เช่น Reebok หรือ Dior ก็เริ่มสร้างงานดีไซน์จากเครื่องพิมพ์ 3 มิติแล้ว
“วงการการศึกษา”
ครูอาจารย์สามารถใช้ประโยชน์จากเครื่องพิมพ์ 3 มิติ สร้างสื่อการสอนที่น่าสนใจขึ้นมาได้ เช่น การสร้างเครื่องจักรในวิชาด้านวิทยาศาสตร์หรือวิศวกรรม สร้างอุปกรณ์จำลองตรีโกณมิติเพื่อมาอธิบายในวิชาคณิตศาสตร์
นอกจากนี้ บางสถาบันการศึกษายังเริ่มเปิดคอร์ส “สอนการใช้เครื่องพิมพ์ 3 มิติ” แล้วด้วย เช่น MIT, University of Texas, Virginia Tech
“วงการยานยนต์”
เมื่อปี 2014 บริษัท Local Motors เป็นเจ้าแรกในโลกที่ลองผลิตรถยนต์ทั้งคันด้วยเครื่องพิมพ์ 3 มิติ โดยใช้ชื่อรุ่นว่า Strati รถรุ่นนี้ใช้เวลา 44 ชั่วโมงในการพิมพ์ออกมา วิ่งได้จริงด้วยความเร็วสูงสุด 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง
โดยทั่วไปแล้ว วงการยานยนต์ไม่ค่อยได้ใช้เครื่องพิมพ์ 3 มิติผลิตรถทั้งคัน แต่นำมาสร้างโปรโตไทป์ และผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ในปี 2024 จะมีรถ Cadillac Celestiq ของ GM ที่จะใช้เครื่องพิมพ์ 3 มิติผลิตชิ้นส่วนมากกว่า 100 ชิ้น
“วงการยานอวกาศ”
เหมือนกับวงการยานยนต์ วงการยานอวกาศใช้เครื่องพิมพ์ 3 มิติสร้างโปรโตไทป์และชิ้นส่วนเช่นกัน การพิมพ์ขึ้นมาได้เองทีละชิ้นทำให้ไม่ต้องสั่งทำสต็อกชิ้นส่วนบางอย่างไว้เป็นจำนวนมาก โดยรวมแล้วทำให้การผลิตลดต้นทุนได้ดีกว่า