Mega Digital Marketing Trend 2012

ปี 2012 ดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งเทรนด์มาแรงและชัดเจนในแบบที่แบรนด์ไม่ใช้ไม่ได้ ไม่ลองต้องเสียใจ ทำให้วงการดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งได้เห็นงบโฆษณาขนาดใหญ่มากขึ้น โดยเฉพาะเม็ดเงินจากเทรนด์ใหญ่แบบ Mega Trend ที่จะเป็นกลยุทธ์ฮีโร่ช่วยให้แบรนด์บรรลุเป้าหมายได้  คือวิดีโอออนไลน์มาร์เก็ตติ้ง และโซเชี่ยลมีเดียแบบอินเตอร์แอคทีฟ โดยเฉพาะเฟซบุ๊ก

มีหลักฐานที่สนับสนุน คือคนรุ่นใหม่อยู่ในสื่อออนไลน์นานมากกว่าทีวี จนกลายเป็นสื่อที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคไปแล้ว ซึ่งงานวิจัยล่าสุดของนีลเส่นพบว่าคนไทยใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และส่วนใหญ่ใช้เกือบทุกวัน และที่น่าสนใจคือค่าเฉลี่ยที่ออนไลน์ต่อสัปดาห์นั้น 16.6 ชั่วโมง ซึ่งแซงหน้าใช้เวลากับสื่อทีวีแล้วที่อยู่ที่ 10.9 ชั่วโมงเท่านั้น และกว่า 60% ดูรายการทีวี ดูรายการที่ตัวเองสนใจผ่านวิดีโออนไลน์ 

ขณะที่วิดีออนไลน์มาร์เก็ตติ้งได้ผ่านพิสูจน์ในปี 2011 มาแล้ว ด้วยจำนวนคนวิวหนังโฆษณา และไวรัลคลิปของบางแบรนด์เป็นล้านครั้ง ส่วนเฟซบุ๊กคนก็อยู่ในนี้นานขึ้น ด้วยค่าเฉลี่ยล็อกอินแล้วอยู่นาน 37 นาทีต่อครั้งต่อวัน

นี่คือเหตุผลที่ทำให้การใช้สื่อดิจิตอลปี 2012 ต้องรีเซต ปรับกลยุทธ์เพื่อจับลูกค้าให้อยู่ในเส้นทางที่พาวเวอร์ของสื่อดิจิตอลถูกใช้อย่างได้ผล ซึ่งไม่ใช่แค่สร้างการรับรู้สินค้า แต่คือการบอกต่อและรัก พร้อมจะปกป้องแบรนด์

กระแสนี้ทำให้เห็นเม็ดเงินเติบโตขึ้นอย่างชัดเจน โดยมีสินค้าแบรนด์ต่างๆ เริ่มกระหน่ำเทเม็ดเงินโฆษณาเข้ามาในสื่อออนไลน์มากขึ้น ซึ่ง “ศิวัตร เชาวรียวงษ์” นายกสมาคมผู้ดูแลเว็บไทย และกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มอินเตอร์แอคชั่น จำกัด เครือกรุ๊ปเอ็ม เอเยนซี่โฆษณาเบอร์ใหญ่ของวงการบอกว่าโดยภาพรวมเม็ดเงินในสื่อดิจิตอลเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% หรือจากประมาณกว่า 2,000 ล้านบาทในปี 2011  เป็น 3,000 ล้านบาทในปี 2012

เม็ดเงินนี้กว่าครึ่งถูกใช้ไปในเว็บไซต์ต่างๆ ในรูปแบบเช่นการซื้อแบนเนอร์ และการใช้วิดีโอออนไลน์มาร์เก็ตติ้ง ที่เหลือจากนั้นประมาณ 30% ไปอยู่ที่เสิร์ชมาร์เก็ตติ้ง และ 10-20% เข้าไปในโซเชี่ยลมีเดีย โดยเฉพาะที่เฟซบุ๊ก ที่สองส่วนหลังนี้มีแนวโน้มเติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีต้องการถูกค้นให้เจอมากขึ้นและโซเชี่ยลมีเดียมีศักยภาพสร้างความผูกพันระหว่างแบรนด์กับกลุ่มเป้าหมายและเฉพาะเจาะจงได้มากขึ้น แถมยังต้นทุนต่ำกว่าการซื้อแบนเนอร์แบบเดิมๆ 

จาก 2  Mega Trend นี้ทำให้วงการดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งของไทยทั้งเอเยนซี่รายใหญ่จากอินเตอร์และเอเยนซี่อิสระของไทย ต่างโฟกัสพร้อมลุยเต็มที่ด้วยเทคโนโลยี และลูกเล่นความสร้างสรรค์ใหม่ๆ มารองรับ เพื่อบรรลุผลให้ได้ Play Like  Share  Buy และ Love อย่างไม่รู้จบ

การใช้เวลาบนสื่อออนไลน์ชาวเน็ตไทย
– จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในไทย 31% ของประชากรทั้งหมด
ความถี่ในการใช้อินเทอร์เน็ต
36% ใช้ทุกวัน
52% ใช้หลายครั้งต่อสัปดาห์
9% สัปดาห์ละครั้ง
3% 1-2 ครั้งเดือน
0.3% ใช้น้อยมาก
เวลาที่ใช้กับสื่อต่างๆ ต่อสัปดาห์
อินเทอร์เน็ต 16.6 ชั่วโมง
ทีวี 10.9 ชั่วโมง
วิทยุ 5.2 ชั่วโมง
อ่านหนังสือพิมพ์ 3.7 ชั่วโมง
5 กิจกรรมฮิตที่ทำอย่างต่ำสัปดาห์ละครั้ง
อีเมล 85%
ข่าว 79%
สื่อสารผ่านโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค 74%
อ่านคอมเมนต์เกี่ยวแบรนด์และสินค้า  70%
แชร์คอนเทนต์ 69%
การดาวน์โหลดวิดีโอออนไลน์
82% ทุกเดือน
68% ทุกสัปดาห์

 

ช่องทางการดูรายการทีวี
69% ดูรายการจากทีวี ตามเวลาที่ออนแอร์ปกติ
33%  ดาวน์โหลดจากอินเทอร์เน็ตจากแหล่งต่างๆ
31%  ทีวีออนดีมานด์เพื่อตามรายการที่พลาดไป
30% อัดรายการไว้
3%  บอกฉันไม่ดูทีวี
ดูอินเทอร์เน็พร้อมกับดูทีวี และฟังวิทยุ
ใช้เน็ตพร้อมดูทีวี 72%
ใช้เน็ตพร้อมฟังวิทยุ 43%
ในโซเชี่ยลมีเดียที่มีคนแอคทีฟ หรือการใช้งานประจำ
เฟซบุ๊ก 56%
4Shared 43%
YouTube 39%
โซเชี่ยลมีเดียช่วยการตัดสินใจของผู้บริโภค
78% พูดคุย หรือโพสต์ความเห็นเกี่ยวกับแบรนด์
90% อ่านคอมเมนต์เกี่ยวกับแบรนด์
88% ดูวิดีโอออนไลน์เกี่ยวกับสินค้าบริการที่คิดว่าจะซื้อ
ความคิดเห็นต่อโฆษณาออนไลน์
21% เห็นว่าโฆษณานั้นตรงกับความสนใจและความต้องการ
20% รู้สึกดีถ้าโฆษณารู้ว่าฉันใช้อินเทอร์เน็ตยังไง หมายถึงทำให้เห็นโฆษณาที่เกี่ยวกับความสนใจของฉันจริงๆ
19% โฆษณาบนเว็บที่มีประโยชน์
ที่มา  : นีลเส่น ตุลาคม 2011 (สำรวจชาวดิจิตอลอายุมากกว่า 15 ปี )