“บ้านปู เน็กซ์” เปิดตัว “คาเฟ่พลังงานสะอาด 100%” หวังเป็นโมเดลต้นแบบให้กลุ่มธุรกิจรีเทล

คาเฟ่พลังงานสะอาด บ้านปู
“บ้านปู เน็กซ์” ร่วมกับ “Roots” เปิดตัวร้านกาแฟ pop-up “Infinite Café Powered by Banpu NEXT” ภายในสวนเบญจกิติ โดยเป็น “คาเฟ่พลังงานสะอาด 100%” ใช้ไฟฟ้าจากระบบโซลาร์ Off-grid พร้อมออกแบบเมนูที่ช่วยลดการปลดปล่อยคาร์บอนสู่โลก หวังเป็นโมเดลต้นแบบให้กับกลุ่มธุรกิจรีเทล หันมาใช้โซลูชันเพื่อความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม

“สินนท์ ว่องกุศลกิจ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด เปิดตัวโปรเจ็กต์ใหม่ “Infinite Café Powered by Banpu NEXT” ร้านกาแฟ pop-up ที่จะเป็นโปรโตไทป์ของร้านกาแฟที่ใช้พลังงานสะอาด 100% ในการทำธุรกิจทุกขั้นตอน

ร้านกาแฟ Infinite Café นี้ตั้งอยู่ใน “สวนเบญจกิติ” บริเวณลานจอดรถ โดยตัวร้านมีขนาด 4 x 4 x 4 เมตร ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป และรอบบริเวณร้านมีที่นั่งพักผ่อน (rest area) ซึ่งติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปเช่นกัน รวมแล้วใช้พื้นที่ร้านและที่นั่งพักผ่อน 92 ตารางเมตร

ระบบโซลาร์รูปท็อปนี้มีขนาด 19 kW และภายในร้านยังติดตั้งแบตเตอรีขนาด 69 kWh เพื่อกักเก็บไฟฟ้าไว้ใช้ในยามฝนตกหรือแดดอ่อนอีกด้วย ทำให้ระบบไฟฟ้าของ Infinite Café เป็นระบบพลังงานสะอาด Off-grid ไม่ต้องพึ่งพาไฟฟ้าจากโครงข่ายหลักได้แบบ 100%

คาเฟ่พลังงานสะอาด บ้านปู
Infinite Café Powered by Banpu NEXT มีโซลาร์รูฟบนหลังคาร้านและที่นั่งพักผ่อนโดยรอบ

Infinite Café จะเปิดจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม – 24 กันยายน 2566 เปิดทุกวัน เวลา 07:00-13:00 น.

ด้าน “วรัตต์ วิจิตรวาทการ” เจ้าของร้าน Roots เชนร้านกาแฟที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความยั่งยืนซึ่งปัจจุบันขยายไปแล้ว 11 สาขา และได้เข้ามาเป็นพันธมิตรเพื่อทดลองการพัฒนาร้านคาเฟ่พลังงานสะอาดนี้

วรัตต์ระบุว่า ภายในร้านต้นแบบมีการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า ได้แก่ ตู้แช่เย็น, เครื่องชงกาแฟ, เครื่องกรองน้ำ, หน้าจอแคชเชียร์ และพัดลมทำความเย็นให้พนักงาน (เป็นร้าน pop-up ไม่ติดแอร์) ซึ่งหลังจากทดลองระบบมา 4 วัน พบว่าระบบไฟฟ้าจากบ้านปู เน็กซ์มีเสถียรภาพ จ่ายไฟได้ไม่สะดุด และเพียงพอต่อความต้องการเหล่านี้ โดยจะเห็นว่าระดับพลังงานไฟฟ้าที่กักเก็บในแบตเตอรียังไม่เคยลดต่ำกว่า 96% อย่างไรก็ตาม จะประเมินผลกันอีกครั้งหลังจากจบระยะเวลาจำหน่ายจริงประมาณ 2 เดือน

คาเฟ่พลังงานสะอาด บ้านปู
แก้วเครื่องดื่มของร้านใช้วัสดุที่สามารถย่อยสลายได้ภายใน 45 วัน

นอกจากเป็น “คาเฟ่พลังงานสะอาด 100%” แล้ว Roots ยังเข้ามาช่วยในการออกแบบเมนูที่ลดคาร์บอนให้ได้มากที่สุดที่ทำได้ โดยมีการคัดสรรแหล่งเมล็ดกาแฟออร์แกนิกที่มีกระบวนการผลิตที่รบกวนธรรมชาติให้น้อยที่สุด มีการใช้นมโอ๊ตทดแทนนมวัวในทุกเมนูเพราะเป็นประเภทนมที่ทำลายสิ่งแวดล้อมน้อยกว่า และ 50% ของเมนูในร้านนี้จะเป็นกาแฟสกัดเย็น (cold brew) ซึ่งลดการใช้พลังงาน

Roots ยังออกแบบเมนูพิเศษที่มีจำหน่ายเฉพาะ Infinite Café คือ Sugarcane Cold Brew & Honey Foam ซึ่งคัดแหล่งที่มาของวัตถุดิบให้ลดการปล่อยคาร์บอน ทำให้เมนูนี้จะลดการปล่อยคาร์บอนลง 750 กรัมเมื่อเทียบกับเครื่องดื่มแบบเดียวกันโดยทั่วไป

(ซ้าย) “สินนท์ ว่องกุศลกิจ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด และ (ขวา) “วรัตต์ วิจิตรวาทการ” เจ้าของร้าน Roots

สินนท์กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าให้การจำหน่ายสินค้าตลอด 2 เดือนของ Infinite Café จะมีส่วนช่วยให้ลดการปลดปล่อยคาร์บอนได้รวม 5,000 กิโลกรัมเมื่อเทียบกับการจำหน่ายเครื่องดื่มในร้านปกติ และเป็นร้านที่ช่วยสร้างการตระหนักรู้เรื่องสังคมไร้คาร์บอน

 

โมเดลต้นแบบที่หวังเป็นแรงบันดาลใจให้ “รีเทล” ขนาดเล็ก

บ้านปู เน็กซ์ นั้นเป็นผู้ให้บริการโซลูชันพลังงานสะอาดแบบครบวงจร ที่ผ่านมามีการติดตั้งระบบพลังงานหมุนเวียนและแบตเตอรีให้กับธุรกิจต่างๆ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม คลังสินค้า ศูนย์การค้า ตลาด โรงเรียน โรงพยาบาล โรงแรม ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม โครงการส่วนใหญ่ที่ต้องการติดตั้งจะเป็นโครงการขนาดใหญ่หลายร้อยกิโลวัตต์ต่อแห่ง แต่โมเดลต้นแบบของร้าน Infinite Café คาเฟ่พลังงานสะอาด 100% นี้จะเป็นแรงบันดาลใจว่าธุรกิจรีเทลขนาดเล็กแบบนี้ก็สามารถติดตั้งระบบพลังงานสะอาดได้

บริเวณด้านหลังร้านคือที่เก็บแบตเตอรี และมีถังทิ้งช่วยแยกขยะ

“เราลงทุนร้านนี้เพื่อเป็นโชว์เคสว่าขนาดร้านเท่านี้ก็ทำได้เหมือนกัน” สินนท์กล่าว “จากนี้ขอดู 2 เดือนหลังจากนี้ก่อนว่าร้าน pop-up ได้รับผลตอบรับอย่างไร จะต่อยอดไปในทางไหน และลูกค้าอาจจะได้เห็นไอเดียว่าโซลูชันของเราสามารถปรับแบบไหนได้บ้าง”

ทั้งนี้ บ้านปู เน็กซ์ระบุว่าโซลูชันของบริษัทเหมาะที่จะติดตั้งให้กับลูกค้าที่ต้องการใช้ไฟฟ้าขนาดเริ่มต้น 10 kW หรือมีค่าไฟฟ้ารายเดือน 10,000 บาทขึ้นไป ซึ่งเป็นระดับค่าไฟฟ้าที่เหมาะสมจะเปลี่ยนมาลงทุนระบบพลังงานสะอาดแล้วสามารถคืนทุนได้เร็ว

โครงการนี้คาดหวังจะสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ประกอบการหรือผู้บริหารที่มีการลงทุนร้านรีเทลหลายสาขา และสนใจด้านความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม ให้เห็นความเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนระบบไฟฟ้าของร้านมาใช้พลังงานสะอาดทดแทน