กลยุทธ์จัดคอนเสิร์ต “เทย์เลอร์ สวิฟต์” ลดจำนวนเมือง โชว์หลายรอบในที่เดียว ช่วยให้กำไรเพิ่มอื้อ

เทย์เลอร์ สวิฟต์
(Photo: Emma McIntyre/TAS23/Getty Images for TAS Rights Management)
ทัวร์คอนเสิร์ต Eras Tour ของนักร้องสาวซูเปอร์สตาร์ “เทย์เลอร์ สวิฟต์” มีแววว่าจะทำลายสถิติเป็นทัวร์คอนเสิร์ตที่ทำรายได้ได้ถึง 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และเธอน่าจะทำกำไรส่วนตัวได้สูงหลายล้านเหรียญจากกลยุทธ์การ “อยู่ยาว” ในเมืองเดียวแต่จัดโชว์หลายรอบการแสดง แทนที่การย้ายเมืองทุกรอบการแสดงอย่างที่เคยทำมา

The Wall Street Journal รายงานว่า Eras Tour ของ “เทย์เลอร์ สวิฟต์” อาจจะเป็นทัวร์คอนเสิร์ตแรกในโลกที่สามารถทำรายได้ได้ถึง 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และน่าจะทำให้เธอได้ส่วนแบ่งกำไรส่วนตัวกลับบ้านถึง 500 ล้านเหรียญสหรัฐ (รวมส่วนที่จะจ่ายเป็นโบนัสให้ทีมงานคนขับรถบรรทุก แดนเซอร์ ทีมงานซาวด์ ฯลฯ ประมาณ 55 ล้านเหรียญแล้วในก้อนนี้)

การที่เธอน่าจะได้กำไรสูงจากการจัดทัวร์ครั้งนี้ ส่วนหนึ่งมาจากกลยุทธ์การ “อยู่ยาว” ในบางเมือง จัดรอบการแสดงติดต่อกัน 6 รอบในเมืองเดียว ได้แก่ ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา, โทรอนโต แคนาดา และ สิงคโปร์ รวมถึงมีอีกหลายเมืองที่จัดรอบการแสดงสูงถึง 4 รอบในเมืองเดียว ได้แก่ เม็กซิโก ซิตี้ เม็กซิโก, โตเกียว ญี่ปุ่น และ ซิดนีย์ ออสเตรเลีย

เห็นได้ว่าทัวร์รอบนี้ของเทย์เลอร์ไม่มีการจัดแสดงในบางเมืองหรือบางประเทศที่เคยจัดในทัวร์ก่อนๆ เช่น ซานดิเอโก สหรัฐฯ, ออตตาวา แคนาดา

การตัดสินใจที่จะอยู่ยาวในบางเมือง ไม่มีการจัดรอบการแสดงในเมืองใกล้เคียงหรือประเทศใกล้เคียง มาจากสมมติฐานทางธุรกิจว่า บรรดา “สวิฟตี้” (ชื่อเรียกกลุ่มแฟนคลับของเทย์เลอร์ สวิฟต์) จะยินดีจ่ายทั้งค่าตั๋วเข้าชมและค่าเดินทางเพื่อไปชมคอนเสิร์ตในเมืองอื่น ไม่ว่าที่นั่นจะเป็นที่ไหน

เมื่อมีการย้ายพื้นที่แสดงให้น้อยลง ก็จะทำให้ค่าใช้จ่ายในการขนย้ายเวทีและโปรดักชัน ค่าเดินทาง ค่าแรงงาน ลดน้อยลงไปด้วย

“ในแง่ของต้นทุน การลดจำนวนเมืองที่แสดงย่อมลดค่าโสหุ้ยในทัวร์คอนเสิร์ตนั้นลงไปอย่างเห็นได้ชัด” นาธาน ฮับบาร์ด อดีตซีอีโอบริษัท Ticketmaster และเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทบริหารจัดการ Firebird กล่าวกับ Insider

“คิดดูสิว่าต้นทุนการรื้อเวทีทั้งเวทีลง ขนย้ายขึ้นรถบรรทุก 50 คัน ขนส่งรถทุกคันไปยังอีกเมืองหนึ่ง ค่าใช้จ่ายพวกนี้จะถูกตัดออกได้คืนละหลายล้านเหรียญสหรัฐ” ฮับบาร์ดกล่าว

 

View this post on Instagram

 

A post shared by Taylor Swift (@taylorswift)

“หลังจากผ่านโควิด-19 มา บรรดาศิลปินใหญ่ทั้งหลายต่างก็รู้ว่าแฟนคลับจะเดินทางไปที่ไหนก็ได้เพื่อให้ได้เจอศิลปินคนโปรดของตัวเอง” ฮับบาร์ดกล่าวต่อ “ก่อนหน้านี้ มีแค่เมืองลาส เวกัสที่ดึงดูดให้คนยอมลงทุนเดินทางมาเพื่อดูคอนเสิร์ตได้ แต่วันนี้หลายเมืองสามารถเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสนุกๆ ไปในตัว ให้แฟนๆ และกลุ่มเพื่อนได้ไปเที่ยวด้วยกันในทริปเพื่อไปชมคอนเสิร์ต นั่นเป็นแรงขับเคลื่อนให้เริ่มเปลี่ยนแปลงระบบทัวร์”

สำนักข่าว Insider สอบถามแฟนๆ สวิฟตี้หลายคน พบว่าส่วนใหญ่ยินดีที่จะเดินทางข้ามรัฐข้ามประเทศเพื่อไปดูคอนเสิร์ตเทย์เลอร์ สวิฟต์ จนทำให้เมืองไหนก็ตามที่ได้จัดคอนเสิร์ตของเธอ จะทำให้เศรษฐกิจท่องเที่ยวของเมืองนั้นดีดตัวขึ้นแรงอย่างเห็นได้ชัดในช่วงที่มีคอนเสิร์ต

The Common Sense Institute กล่าวว่า Eras Tour เฉพาะส่วนที่ทัวร์ในสหรัฐฯ​ เองคาดว่าจะช่วยสร้างการใช้จ่ายของผู้บริโภคถึง 4,600 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.61 แสนล้านบาท) เป็นเม็ดเงินที่ใหญ่กว่าจีดีพีของ 35 ประเทศบนโลกนี้

แน่นอนว่าจะ “อยู่ยาว” หลายเมืองมากไม่ได้ เพราะ “เทย์เลอร์ สวิฟต์” เองก็ขึ้นชื่อเรื่องความเอาใจใส่ในแฟนคลับของเธอ การเลือกจัดคอนเสิร์ตน้อยแห่งลงมากอาจจะกระทบกับชื่อเสียงได้ ปัจจุบัน Eras Tour มีแผนจัดการแสดงทั้งหมด 146 รอบ ในมากกว่า 50 เมือง ถือเป็นตัวเลขที่สูงมากแล้ว

เห็นได้ว่าการจัด “สมดุล” ของทัวร์คอนเสิร์ต หากทำสำเร็จก็จะได้ทั้งใจของแฟนๆ และกำไรที่ดีขึ้นด้วย และ Eras Tour ของเทย์เลอร์ สวิฟต์ กำลังจะเป็นผู้ดิสรัปต์วงการในการคิดสูตรทัวร์ที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมนี้

source